บมจ. ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น (TRC) เผยเตรียมเจรจาพาร์เนอร์ต่
นายภาสิต ลี้สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRC ผู้ประกอบธุรกิจให้บริ การงานรับเหมาก่อสร้าง และออกแบบทางวิ ศวกรรมงานวางระบบท่อ และอุตสาหกรรมปิโตรเคมีทั้ งในและต่างประเทศ รวมทั้งธุรกิจพั ฒนาโครงการและการลงทุนด้านนวั ตกรรมพลังงาน อสังหาริมทรัพย์ โรงไฟฟ้า และปิโตรเคมี เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในปีนี้ กลุ่มบริษัท TRC จะรุกไปในการเข้าประมู ลงานรับเหมาก่อสร้างธุรกิจน้ำมั นและปิโตรเคมีขนาดใหญ่ รวมถึงงานสาธารณูปโภค ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญและได้รั บความไว้วางใจจากลูกค้ ามาโดยตลอด และจะมุ่งสู่ธุรกิจนวัตกรรมใหม่ ๆ
"ปี 2562 นี้เราจะมุ่งเป้าไปที่โซนระยอง ซึ่งมีงานขนาดใหญ่ของธุรกิจพลั งงานอยู่ เช่น งานปรับปรุงคุณภาพของน้ำมั นและก๊าซ ธุรกิจด้านการประหยัดพลังงานให้ กับโรงงานอุตสาหกรรม (Energy Saving) ซึ่งกลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มปตท.ไทยออยส์ รวมถึงไออาร์พีซี ซึ่งจะมีงานใหญ่ประเภทนี้ ออกมาค่อนข้างมาก ซึ่งเรามีความถนัดและเชี่ ยวชาญอยู่แล้ว"นายภาสิต กล่าว
นอกจากนี้บริษัทฯ กำลังเจรจาความร่วมมือทางธุรกิ จด้านพลังงานกับพาร์ทเนอร์ต่ างประเทศ เพื่อมาเพิ่มศักยภาพในธุรกิจหลั กของบริษัทฯ ด้าน Oil & Gas ในการเตรียมความพร้อมที่จะรุ กตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ ประเทศเวียดนามและเมียนมา
ส่วนธุรกิจด้านนวัตกรรมใหม่นั้น เราจะมุ่งสู่งานการจัดการคลังสิ นค้าอัจฉริยะ หรือสมาร์ทแวร์เฮ้าส์ (Smart Warehouse) หรือ Automated Storage and Retrieval System (AS/RS) นั้น ขณะนี้บริษัทย่อย คือ บริษัท สหการวิศวกร จำกัด ได้งานของกลุ่ม ปตท.เข้ามาไว้ในมือแล้ว 1 โครงการ มูลค่างาน 600 ล้านบาท โดยปัจจุบันสมาร์ทแวร์เฮ้าส์ถื อว่าเป็นธุรกิจที่กระแสตอบรับดี มาก มั่นใจว่าในอนาคตกลุ่มธุรกิ จขนาดใหญ่จะหันมาใช้บริการสมาร์ ทแวร์เฮ้าส์มากขึ้น ซึ่งนับเป็นโอกาสทางธุรกิ จของบริษัทฯ ที่จะสร้างรายได้ในงานส่วนนี้
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TRC กล่าวต่อว่า ช่วงปี2561 ถือได้เป็นปีทองของบจก. สหการวิศวกร ที่ได้รับการเลื่อนชั้นเป็นผู้ รับเหมาชั้นพิเศษจากรมทางหลวง และสามารถชนะการประมู ลโครงการขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแยก ณ ระนอง มูลค่า 1,524 ล้านบาท โครงการถนนคลองสามวา มูลค่า 172 ล้านบาท โครงการก่อสร้างศูนย์กระจายสิ นค้าผลิตภัณฑ์หล่อลื่นจากบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ PTTOR มูลค่า 600 ล้านบาท และเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่ านมาสามารถได้รับงานโครงการเปลี่ ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้ าใต้ดิน โครงการรัชดาภิเษก-อโศก จากกรุงเทพมหานคร มูลค่า 2,205ล้านบาท และต้นเดือนมีนาคม จะมีการลงนามในสัญญาก่อสร้ างงานถนนอีก 1 งาน มูลค่า 560 ล้านบาท ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2561 ถึงปัจจุบัน ทั้งกลุ่มTRC มีงานในมือรวม 7,233 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายในการเข้าประมู ลงานในปีนี้ประมาณ 15,000 - 20,000 ล้านบาท
ทั้งนี้สำหรับผลประกอบการปี 2561 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้ ค่าบริการก่อสร้าง 2,257 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อนที่อยู่ที่ 2,370 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 2,041 ล้านบาท สาเหตุหลักของการขาดทุนคือ บริษัทฯ ได้ตัดสินใจตั้งสำรอง และรับรู้ค่าใช้จ่ายรายการที่ เกี่ยวข้องกับบริษัทร่วมที่กลุ่ มบริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ ร้อยละ 25.13 คือบริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำกัด (มหาชน) หรือ APOT ทั้งหมดจำนวนรวม 2,094 ล้านบาทประกอบด้วยการบันทึ กขาดทุนจากการด้อยค่าเงินลงทุน หนี้สูญและค่าเผื่อหนี้สงสั ยจะสูญ การปรับรายการค่าใช้จ่ ายและภาระต่าง ๆ เข้าเป็นต้นทุนค่าบริการก่อสร้ าง แต่อย่างไรก็ตาม ขาดทุนดังกล่าวเป็นการบันทึ กขาดทุนทางบัญชี ไม่มีผลกระทบกับกระแสเงิ นสดของบริษัทฯ แต่อย่างใด ซึ่งหากตัดรายการสำรองและค่ าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับ APOTข้างต้นออก ผลการดำเนินงานปี 2561 ของกลุ่มบริษัทฯ จะปรากฏเป็นกำไรสุทธิ 53 ล้านบาท ทั้งนี้ การตั้งสำรองและรับรู้ค่าใช้จ่ ายทั้งหมดดังกล่าวในปี2561 จะทำให้บริษัทฯ จะไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนของAPOT เข้ามาในผลประกอบการรวมอีกต่อไป เป็นการลดความเสี่ยงต่อความผั นผวนของผลการดำเนินงานของกลุ่ มบริษัทฯ จากการที่ในระหว่างปี2559 - 2560 ต้องรับภาระรับรู้ผลขาดทุนของ APOTในงบการเงินรวม นอกจากนั้นแล้ว หากโครงการAPOT มีความชัดเจนในการพั ฒนาโครงการต่อ ได้รับการสนับสนุนทางการเงิ นจากผู้ถือหุ้นและ/หรือจากสถาบั นการเงิน ทำให้ได้คืนมาซึ่งมูลค่าของเงิ นลงทุน บริษัทฯ ก็จะสามารถกลับรายการสำรองเผื่ อขาดทุนที่เกินความจำเป็น และรับรู้กำไรในอนาคตเพื่ อชดเชยขาดทุนจากการตั้ งสำรองในปี 2561
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น