วรรณิภา ภักดีบุตร “โอสถสภา” ลุยตลาด CLMV - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2562

วรรณิภา ภักดีบุตร “โอสถสภา” ลุยตลาด CLMV

วรรณิภา ภักดีบุตร “โอสถสภา” ลุยตลาด CLMV

ย่างเข้าสู่ 128 ปี สำหรับกลุ่มโอสถสภา แบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคสัญชาติไทยที่มีความแข็งแกร่งทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ “นางวรรณิภา ภักดีบุตร” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงทิศทางและภาวะตลาดในปีนี้ว่า
ทิศทางตลาดปี”62
ทิศทางตลาดส่งออกมีแนวโน้มที่ดี โดยเราจะเน้นประเทศเมียนมา ลาว และกัมพูชาเป็นหลัก เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีอัตราการเกิดสูง โดยสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เด็กมีการเติบโตดีมาก ส่วนตลาดในประเทศมีแนวโน้มที่ดีเช่นกัน โดยในปีนี้ บริษัทได้เปิดเตาหลอมแก้วที่ปิดซ่อมไป ทำให้สามารถกลับมาผลิตรับสินค้า (OEM) ได้ตามปกติ ตลาดเครื่องดื่มยังคงมีแนวโน้มเติบโต โดยเฉพาะในกลุ่ม functional drink ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น ส่งผลให้ C-vitt เครื่องดื่มวิตามินซีสูงเป็นอันดับหนึ่งของตลาดนี้ มีส่วนแบ่งตลาด 25% เราคาดว่าหลังจากการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นจะทำให้ภาวะเศรษฐกิจของไทยปรับตัวดีขึ้น
ผลประกอบการปี 2561 
ยอดขายในไตรมาส 4 ปี 2561 พิกอัพขึ้นมา ส่งผลให้บริษัทสามารถทำกำไรสุทธิ 789 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 269% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ 214 ล้านบาท จากความสำเร็จโครงการ Fitness First ช่วยให้การบริหารจัดการด้านต้นทุนการผลิตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาพรวมกำไรสุทธิในปี 2561 ทำได้ 3,005 ล้านบาท เป็นไปตามแผนที่วางไว้
ขณะที่ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในประเทศนั้นประสบความสำเร็จตามแผน โดยสินค้าเครื่องดื่มบำรุงกำลังยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาดได้ เช่น เครื่องดื่มเอ็ม-150 มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 37.9% จากเดิม 37% และเครื่องดื่มซี-วิต มีส่วนแบ่งตลาด 25% อันดับ 1 ในตลาดเครื่องดื่มที่มีการเติมส่วนผสม (functional drink) ซึ่งรายได้รวมของเครื่องดื่มในประเทศ (รวมซี-วิตและคาลพิส) ในไตรมาส 4/61 ขยายตัว 6.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/60
กลุ่มของใช้ส่วนบุคคลเติบโตขึ้น 7.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยสินค้าผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก เบบี้ มายด์ และทเวลฟ์ พลัส ทั้งในประเทศ และในตลาดกัมพูชา ลาว และเมียนมา แม้ว่าประสบปัญหาภาวะเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นก็ตาม
จ่ายปันผล 2 พันล้าน
ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2562 มีมติให้จ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานในปี 2561 อัตราหุ้นละ 0.39 บาท ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2562 ซึ่งกำหนดขอมติอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 ในวันที่ 24 เมษายนนี้
และหากรวมกับการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ได้จ่ายไปแล้ว 0.30 บาท เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา ส่งผลให้รอบการดำเนินงานทั้งปี 2561 จ่ายเงินปันผลรวม 0.69 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น 2,072.6 ล้านบาท หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
แผนการลงทุนในปี 2562 
บริษัทได้มีการคิดค้นสูตรเครื่องดื่มใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มคุณสมบัติให้ผลิตภัณฑ์ เช่น การเพิ่มสมุนไพร และเพิ่ม 2-4 NPDs ในกลุ่ม functional drink รวมถึงการพัฒนาเครื่องดื่มสูตรที่มีปริมาณน้ำตาลต่ำ ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลได้มีการคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อาทิ สินค้าหมวด facial, skincare
นอกจากนี้ บริษัทเน้นการบริหารจัดการต้นทุนที่ผ่านมา ได้ลดต้นทุนการผลิตต่าง ๆ ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ในปีนี้จึงยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำกำไรที่ได้เพิ่มจากการลดต้นทุนมาใช้ในการลงทุน และคืนผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้น และเน้นเพิ่มยอดขายของธุรกิจ OEM หลังจากที่เราเปิดเตาหลอมแก้วที่ได้ปิดซ่อมไป
ขยายการลงทุนในอาเซียน
ในส่วนของการลงทุนโรงงานผลิตเครื่องดื่มที่นิคมติละวา กรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้เข้าลงทุนร่วมกับบริษัท ลอย เฮง จำกัด ซึ่ง OSP ถือหุ้นสัดส่วน 85% นั้นถือว่ามีความคืบหน้าในการก่อสร้างมาก การดำเนินงานเป็นไปตามแผน คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ และสามารถดำเนินการผลิตได้ในช่วงปลายปีนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad