กรมการค้าต่างประเทศแจ้งข่าวผู้ส่งออก สหรัฐฯ ประกาศถอดถอนตุรกีออกจากบัญชีประเทศที่ได้รับสิทธิ GSP ของสหรัฐฯ มีผลตั้งแต่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา ชี้เป็นโอกาสของไทยในการแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดจากตุรกีในตลาดสหรัฐฯ เหตุไทยยังคงได้ GSP
นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ ได้ประกาศถอดถอนตุรกีออกจากบัญชีประเทศที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ของสหรัฐฯ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 17 พ.ค.2562 ที่ผ่านมา จึงถือเป็นโอกาสของสินค้าไทยที่จะใช้ความได้เปรียบจากแต้มต่อทางภาษีศุลกากรเข้าไปชิงส่วนแบ่งตลาดจากตุรกีในตลาดสหรัฐฯ เพราะปัจจุบันไทยยังคงได้รับสิทธิ GSP จากสหรัฐฯ
“การที่สหรัฐฯ ตัดสิทธิ GSP ตุรกี ย่อมส่งผลให้สินค้าที่ส่งออกจากประเทศดังกล่าวต้องเสียภาษีนำเข้าอัตราปกติ ขณะที่ไทยยังคงได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า โดยที่ผ่านมา ตุรกีเป็นประเทศที่มีการใช้สิทธิประโยชน์เป็นอันดับ 5 มีสัดส่วนการใช้สิทธิอยู่ที่ประมาณ 8% ดังนั้น ไทยจึงควรใช้ความได้เปรียบด้านภาษีเป็นแต้มต่อในการเพิ่มหรือเบียดแย่งส่วนแบ่งตลาดจากตุรกี โดยสินค้าที่มีโอกาส เช่น กลุ่มสินค้ายานยนต์และส่วนประกอบยานยนต์ และโพลีอะซีทัล เป็นต้น”
ปัจจุบัน โครงการ GSP สหรัฐฯ ได้ยกเว้นภาษีนำเข้าแก่สินค้าไทยกว่า 3,400 รายการ โดยสินค้าที่จะได้รับสิทธิยกเว้นภาษี จะต้องเป็นสินค้าที่ผลิตขึ้นหรือได้มาทั้งหมดในประเทศไทย (WO) หรือมีสัดส่วนวัตถุดิบภายในไทยไม่น้อยกว่า 35% และไทยมีการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้โครงการ GSP สหรัฐฯ ในสินค้าประมาณ 1,200 รายการ โดยในปี 2561 มีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์อยู่ที่ 4,248.59 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 13% ของมูลค่าการค้าไปสหรัฐฯ และมีอัตราการใช้สิทธิประโยชน์อยู่ที่ 67.51%
สำหรับรายการสินค้าที่มีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์สูงสุด ได้แก่ ส่วนประกอบเครื่องปรับอากาศ ถุงมือยาง อาหารปรุงแต่ง เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (น้ำผลไม้) เลนส์แว่นตา ส่วนประกอบยานยนต์
นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ ได้ประกาศถอดถอนตุรกีออกจากบัญชีประเทศที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ของสหรัฐฯ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 17 พ.ค.2562 ที่ผ่านมา จึงถือเป็นโอกาสของสินค้าไทยที่จะใช้ความได้เปรียบจากแต้มต่อทางภาษีศุลกากรเข้าไปชิงส่วนแบ่งตลาดจากตุรกีในตลาดสหรัฐฯ เพราะปัจจุบันไทยยังคงได้รับสิทธิ GSP จากสหรัฐฯ
“การที่สหรัฐฯ ตัดสิทธิ GSP ตุรกี ย่อมส่งผลให้สินค้าที่ส่งออกจากประเทศดังกล่าวต้องเสียภาษีนำเข้าอัตราปกติ ขณะที่ไทยยังคงได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า โดยที่ผ่านมา ตุรกีเป็นประเทศที่มีการใช้สิทธิประโยชน์เป็นอันดับ 5 มีสัดส่วนการใช้สิทธิอยู่ที่ประมาณ 8% ดังนั้น ไทยจึงควรใช้ความได้เปรียบด้านภาษีเป็นแต้มต่อในการเพิ่มหรือเบียดแย่งส่วนแบ่งตลาดจากตุรกี โดยสินค้าที่มีโอกาส เช่น กลุ่มสินค้ายานยนต์และส่วนประกอบยานยนต์ และโพลีอะซีทัล เป็นต้น”
ปัจจุบัน โครงการ GSP สหรัฐฯ ได้ยกเว้นภาษีนำเข้าแก่สินค้าไทยกว่า 3,400 รายการ โดยสินค้าที่จะได้รับสิทธิยกเว้นภาษี จะต้องเป็นสินค้าที่ผลิตขึ้นหรือได้มาทั้งหมดในประเทศไทย (WO) หรือมีสัดส่วนวัตถุดิบภายในไทยไม่น้อยกว่า 35% และไทยมีการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้โครงการ GSP สหรัฐฯ ในสินค้าประมาณ 1,200 รายการ โดยในปี 2561 มีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์อยู่ที่ 4,248.59 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 13% ของมูลค่าการค้าไปสหรัฐฯ และมีอัตราการใช้สิทธิประโยชน์อยู่ที่ 67.51%
สำหรับรายการสินค้าที่มีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์สูงสุด ได้แก่ ส่วนประกอบเครื่องปรับอากาศ ถุงมือยาง อาหารปรุงแต่ง เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (น้ำผลไม้) เลนส์แว่นตา ส่วนประกอบยานยนต์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น