โชว์นวัตกรรมอาหารกระหึ่มงานTHAIFEX “ผงจิ้งหรีด-ซอสไร้โซเดียม-ไก่ยูฟาร์ม” - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

โชว์นวัตกรรมอาหารกระหึ่มงานTHAIFEX “ผงจิ้งหรีด-ซอสไร้โซเดียม-ไก่ยูฟาร์ม”

งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม "THAIFEX-World of Food ASIA 2019" จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม-1 มิถุนายน ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี (ภาพ : THAIFEX-World of Food Asia)

โชว์นวัตกรรมอาหารกระหึ่มงานTHAIFEX “ผงจิ้งหรีด-ซอสไร้โซเดียม-ไก่ยูฟาร์ม”

กระทรวงพาณิชย์เดินหน้า THAIFEX ขนผู้ประกอบการออกบูทกว่า 6,000 คูหาจาก 40 ประเทศ พร้อมเปิดตัวสินค้านวัตกรรมไทยมีทั้ง “ผงจิ้งหรีด-ซอสไร้โซเดียม-ไก่ยูฟาร์ม” ตามด้วยบริษัทใหญ่อย่าง “บินไทย-ดุสิตธานี” แตกไลน์สู่ธุรกิจอาหาร ด้าน ส.อ.ท.วอนรัฐบาลใหม่ดูแลค่าเงินบาท
ท่ามกลางสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐที่ต่างฝ่ายต่างตอบโต้กันไปมาด้วยการประกาศขึ้นภาษีระหว่างกัน กระทรวงพาณิชย์ หอการค้าไทย และโลโลญเมสเซ่ ยังคงเดินหน้าจัดงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม “THAIFEX-World of Food ASIA 2019” ระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม-1 มิถุนายน ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยในปีนี้มีผู้ประกอบการเข้าร่วมแสดงสินค้ากว่า 6,000 คูหา จาก 40 ประเทศ มีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมงานกว่า 7,300 คน จาก 106 ประเทศ และคาดว่าจะมีผู้ซื้อเข้าชมงานกว่า 130,000 คน ในมูลค่าการซื้อขายไม่น้อยกว่า 11,500 ล้านบาท แบ่งเป็น การซื้อขายในวันเจรจาการค้า 11,445 ล้านบาท กับการจำหน่ายปลีกอีก 55 ล้านบาท นับเป็นโอกาสของผู้ผลิตและส่งออกไทยที่จะพบกับลูกค้าใหม่ ๆ หลากหลายทั่วโลก
ขอรัฐดูแลค่าเงินบาท
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และนายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป กล่าวถึงภาพรวมการส่งออกในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารเมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมา แม้การส่งออกจะขยายตัวเป็นบวก แต่มองว่ายังมีปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวม โดยเฉพาะสงครามการค้า เศรษฐกิจชะลอตัว รวมไปถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น โดยปัจจุบันอยู่ที่ 31 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ค่าบาทที่เหมาะสมควรจะอยู่ที่ 33 บาทต่อเหรียญ
“ภาคเอกชนต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลค่าบาทให้มีเสถียรภาพมากขึ้น เพราะมีผลต่อการเจรจาต่อรองเรื่องของราคาสินค้าที่จะส่งออกไปยังประเทศผู้นำเข้า เงินบาทหากยังคงมีความผันผวนก็จะกระทบต่อการโค้ดราคาสินค้าส่งออก นอกจากนี้ยังมองว่า ภาพรวมทั้งปีการส่งออกจะขยายตัวไม่ได้ตามเป้า 8% โดยมองว่าทั้งปีหน้าจะขยายตัวอยู่ที่ 5% เท่านั้น”
ด้านนายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า เทรนด์ของอุตสาหกรรมอาหารมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน สืบเนื่องจากผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับการเลือกอาหารที่มีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด และเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความตื่นตัวในการผลิตสินค้าในเทรนด์ดังกล่าว ปีนี้จึงมีเทรนด์สินค้าอาหารใหม่ ๆ นวัตกรรมอาหารมานำเสนอเป็นจำนวนมาก
ครัวบินไทยบุกยุโรป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงาน THAIFEX ปีนี้มีผู้ประกอบการรายใหม่หลายรายได้มาออกบูทในงานนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น บริษัทการบินไทย หรือกลุ่มโรงแรมดุสิตธานี โดยนายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจอาหารของการบินไทยบนเครื่องบินครองสัดส่วนทางการตลาดกว่า 70% ในประเทศไทย ดังนั้น การบินไทยจึงต้องการที่จะขยายครัวการบินในส่วนของธุรกิจภาคพื้นเพิ่มมากขึ้นอีก โดยครัวการบินเล็งเห็นพื้นที่การเติบโตของอาหารไทยในตลาดยุโรปและเอเชียเหนือ จึงเตรียมขยายธุรกิจทางด้านอาหารในภาคพื้นดังกล่าวให้กว้างมากยิ่งขึ้น โดยครัวการบินจะเริ่มต้นจากการขยายแบรนด์ “Royal Orchid Gourmet” จับผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็งรสชาติไทย โดยวัตถุดิบไทย และผลิตภัณฑ์น้ำแกงสำเร็จรูปภายใต้แบรนด์เอื้องหลวง
“เราตั้งเป้าหมายว่าหลังจากเข้าจับธุรกิจนี้ ครัวการบินจะสร้างการเติบโตในธุรกิจภาคพื้นเพิ่มขึ้นอีก 20% คิดเป็นมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท เบื้องต้นผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็งจะประกอบด้วยเมนูข้าวมัสมั่นเนื้อและไก่, ข้าวแกงเขียวหวานเนื้อและไก่, ข้าวแกงเผ็ดเนื้อและไก่มะเขือพวง, ข้าวพะแนงเนื้อและไก่, ข้าวผัดกะเพราเนื้อ และผลิตภัณฑ์น้ำแกงจะประกอบด้วย 6 เมนู ได้แก่ พะแนง, แกงเขียวหวาน, แกงเผ็ด, มั่สมัน, ซอสกะเพรา และซอสผัดไทย ต่อไปครัวการบินจะมุ่งเป้าขยายธุรกิจอาหารเพิ่มเติมอีกและกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาธุรกิจอาหารดีลิเวอรี่เพิ่มเติมด้วย” นายสุเมธกล่าว
“ดุสิต ฟู้ดส์” 3 ปีทะลุพันล้าน
ด้านนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมีความตั้งใจที่จะเข้าสู่ธุรกิจอาหารเพื่อขยายพอร์ตโฟลิโอให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น และวางเป้าหมายภายใน 3 ปี รายได้จากธุรกิจอาหารจะต้องมีสัดส่วน 15-20% ของรายได้ทั้งหมด พร้อมสร้างรายได้รวมมากกว่า 1,000 ล้านบาท ภายใต้การขับเคลื่อนโมเดลธุรกิจผ่านบริษัทดุสิต ฟู้ดส์ ซึ่งตั้งเป้าภายในปี 2562 จะต้องมีรายได้จากธุรกิจอาหารรวมกันมากกว่า 400 ล้านบาท
ธุรกิจอาหารของบริษัทดุสิต ฟู้ดส์ จะประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่ กลุ่มออร์แกนิก (organic) ซึ่งจะออกแบบและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เอง ซึ่งในขณะนี้บริษัทได้สร้างแบรนด์ “ของไทย” แบรนด์อาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุงระดับพรีเมี่ยมแมสในหลากเมนู อาทิ แกงมัสมั่น แกงเขียวหวาน มีกลุ่มเป้าหมายเป็นภัตตาคารและร้านอาหารไทยในตลาดต่างประเทศ จะเริ่มต้นจากตลาดสหรัฐอเมริกา ก่อนจะขยายไปในตลาดยุโรป และออสเตรเลียต่อไป ส่วนในกลุ่มน็อนออร์แกนิก (nonorganic) นั้น บริษัทจะเข้าไปลงทุนในบริษัทที่ประกอบธุรกิจทางด้านอาหารต่าง ๆ เพื่อต่อยอดให้กับธุรกิจเดิมของดุสิต ปัจจุบันดุสิตได้เข้าไปลงทุนเพื่อถือหุ้น 51% ในบริษัท เอ็นอาร์อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (NRF) ซึ่งประกอบธุรกิจโรงงานผลิตอาหารส่งออกกว่า 25 ประเทศทั่วโลก
“สิงห์” จัดทัพธุรกิจอาหาร
ด้านนายปิติ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการธุรกิจซัพพลายเชน และกรรมการบริหาร บริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ กล่าวว่า บริษัทได้จัดโครงสร้างธุรกิจอาหารใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วย บริษัท เอส คอมพานี (1933) จำกัด ผู้บริหารร้าน เอส.33-สตาร์เชฟ-ฟาร์มดีไซน์, บริษัทเฮสโก โซลูชั่น ผู้ผลิตซอสปรุงรสและอาหารพร้อมทาน และบริษัทมหาศาล ผู้ดำเนินธุรกิจข้าวพันดี เข้ามาบริหารภายใต้ บริษัทฟู้ด แฟคเตอร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรุกตลาดอาหารทั้งในและต่างประเทศ
โดยแผนระยะ 3 ปี (ปี 2563-2565) เตรียมงบฯลงทุนไว้ประมาณ 5,000-8,000 ล้านบาท เพื่อสร้างเครือข่ายของธุรกิจอาหารในไทย พัฒนาสินค้าใหม่ รวมถึงทำการตลาดผ่านช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ ตลอดจนการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์เพื่อบริหารจัดการต้นทุนให้ดีขึ้น ส่วนด้านของตลาดต่างประเทศ ขณะนี้บริษัทมีการส่งออกในรูปแบบของ OEM ที่ดำเนินการผลิตโดยบริษัท เฮสโก โซลูชั่น จำกัด โดยมีกลุ่มลูกค้าจากแบรนด์ต่าง ๆอาทิ Made By Todd, Minor Food Group, King Power และ ALDI “ในงาน THAIFEX เราได้นำสินค้าแบรนด์ Made By Todd ทุกรายการ อาทิ ซอสพริก, ซอสผัดไทย, ซอสกะเพรา, น้ำจิ้มซีฟู้ด, หนังปลากรอบ, ข้าวโพดกรอบ มาจัดแสดงในงานนี้
ผงจิ้งหรีดมะเขือเทศไร้โซเดียม
สำหรับผู้ประกอบการใหม่ ๆ ที่ใช้ “นวัตกรรม” ในการผลิตอาหารส่งออก นายวรสรรพ์ สุจรรยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็ค แอนด์ มิลลี่ คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด ผู้ผลิตจิ้งหรีดอบกรอบและแปรรูปเพื่อส่งออกและขายในประเทศ กล่าวว่า บริษัทเป็นสตาร์ตอัพรุ่นใหม่ที่เริ่มทำตลาดอาหารแปรรูปได้ประมาณ 1 ปี ขณะนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก โดยสินค้าหลักที่บริษัทผลิตเป็น “ผงจิ้งหรีด” ที่นำไปแปรรูปเป็นเครื่องดื่ม ผสมอาหารหรือเส้นราเม็ง โดยส่งออกไป ประเทศอิตาลี แล้วและอยู่ระหว่างการเจรจากับคู่ค้าในญี่ปุ่นและจีน
นางสาวชนันนัทธ์ พลปัถพี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านขายและตลาด บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันการแข่งขันสูงและสงครามการค้า ทำให้สินค้าจะออกสู่ตลาดต้องเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและพร้อมนำมาสู่การผลิตในอีก 2-3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้เริ่มแตกไลน์สินค้าใหม่เพิ่มจากเดิมเน้นผลไม้ เช่น ซอสมะเขือเทศที่ไม่มีโซเดียม และสินค้าที่ได้จากน้ำตาลธรรมชาติ ไม่ปรุงแต่ง ไม่ใส่สารที่ถูกห้าม เพื่อให้การส่งออกไม่ถูกกีดกันทางด้านภาษี ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ สำหรับเป้าหมายการส่งออกต่างประเทศยังอยู่ที่สัดส่วน 5% ส่วนใหญ่ คือ ยุโรป เอเชีย อเมริกาใต้อย่างอาร์เจนตินา
“ผลกระทบจากสงครามการค้าขณะนี้แม้ไม่ได้โดนโดยตรง แต่กลับได้ผลกระทบทางอ้อมจากการขึ้นภาษีน้ำตาล ภาษีวิตามิน ภาษีสารอาหารในบางประเทศ และคาดว่าจะมีการประกาศขึ้นอีก จึงทำให้การแข่งขันสูง อุตสาหกรรมน้ำดื่มจึงโตค่อนข้างน้อย ดอยคำยอดขายตกเหลือเพียง 10-11% ในปี 2561 และไตรมาสแรก/2562 โตเพียง 7-8% เท่านั้น”
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ สายธุรกิจการค้าระหว่างประเทศและพัฒนาธุรกิจ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) กล่าวว่า ไฮไลต์สินค้าอาหารในกลุ่ม CPF ในงานปีนี้จะเป็น “ไก่เบญจา” หรือ “เบญจา ชิคเก้น” ที่เริ่มเปิดตัวและเป็นเพียงหนึ่งเดียวด้านอาหารประเภทวัตถุดิบสดในงาน THAIFEX โดยไก่เบญจาถือเป็น “U Farm Brand” ของ CPF ที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่าเป็นสินค้า natural 100% เลี้ยงด้วยข้าวกล้องที่มีราคาสูงกว่าข้าวโพดถึง 5 เท่าแห่งแรกของโลก ไม่ใช้ฮอร์โมน ยาปฏิชีวนะ มีความหอม นุ่ม อร่อย และปลอดภัยต่อผู้บริโภค ขณะนี้มีส่วนแบ่งตลาด 30% ของตลาดไก่พรีเมี่ยม แต่ขายในราคาสูงกว่าไก่ที่เลี้ยงปกติ 50% และกำลังจะส่งออกไปจำหน่ายที่ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง และสิงคโปร์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad