ส่งออกต่ำสุดรอบ4ปี ‘หอการค้า’ผวาค่าแรง400บ.ขย่มซ้ำ - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ส่งออกต่ำสุดรอบ4ปี ‘หอการค้า’ผวาค่าแรง400บ.ขย่มซ้ำ

ส่งออกต่ำสุดรอบ4ปี  ‘หอการค้า’ผวาค่าแรง400บ.ขย่มซ้ำ
นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้วิเคราะห์มูลค่าการส่งออกของไทยทั้งปี 2562 ว่า จะอยู่ที่ 2.51 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 0.64% ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 4 ปี ภายใต้สมมุติฐานเศรษฐกิจโลกขยายตัว 3.2% น้ำมันดิบดูไบ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยน 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นไปตามทิศทางเดียวกับทุกประเทศทั่วโลก ที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ยังมีแนวโน้มชะลอตัวลง
ขณะที่ปัญหาสงครามการค้า ที่สหรัฐฯจะตอบโต้จีน มีเป้าหมายขึ้นภาษีสินค้า เพิ่มมูลค่าเป็น 3.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะกระทบการส่งออกไทยให้ลดลงอีก 2% รวมถึงค่าเงินบาทไทย ยังมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง โดยการแข็งค่าขึ้นทุก 1% มูลค่าการส่งออกในรูปเงินบาทจะลดลง 0.14% และความผันผวนของราคาน้ำมัน
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยความไม่แน่นอนของสถานการณ์การถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร หรือ BREXIT ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ และการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ โดยรัฐบาลควรเร่งการทำกิจกรรมในตลาดใหม่ เช่น อินเดีย และแอฟริกาให้เพิ่มขึ้น
โดยสรุปปัจจัยเสี่ยงสำหรับการส่งออกไทยในช่วงครึ่งปีหลังนี้มี 6 ปัจจัยเสี่ยงหลัก ซึ่งประกอบไปด้วย ทิศทางเศรษฐกิจโลกในปี 2562 มีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง,สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ยังยืดเยื้อ,ค่าเงินบาทในปี 2562 มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง,ธนาคารกลางสหรัฐมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ย,ความผันผวนของราคาน้ำมันและตลาดจีนลดการนำเข้าสินค้าจากทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย
สำหรับปัจจัยเสี่ยงจาก การทำข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม (EVFTA) ซึ่งหากมีผลบังคับใช้ทันในครึ่งหลังของปีนี้ จะส่งผลกระทบให้การส่งออกของไทยลดลง 680 ล้านดอลลาร์ หรือส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในครึ่งปีหลังประมาณ 0.5% หรือกระทบต่อการส่งออกทั้งปีประมาณ 0.3% โดยสินค้าไทยที่ส่งออกไปสหภาพยุโรป (EU) ที่ได้รับผลกระทบมากสุด คือ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย รองลงมา คือ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ, อุปกรณ์ไฟฟ้าและส่วนประกอบ เนื่องจากเป็นสินค้าประเภทเดียวกันกับที่เวียดนามส่งเข้าไปจำหน่ายใน EU ซึ่งหากมีการทำ EVFTA ได้สำเร็จก็จะทำให้สินค้าเวียดนามมีความได้เปรียบทางภาษีกว่าสินค้าจากไทย พร้อมให้ไทยเดินหน้าเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรี โดยเฉพาะ FTA ไทย-อียู เพื่อไม่ให้เสียเปรียบคู่แข่งสำคัญอย่างเวียดนาม
นอกจากนี้ ปัจจัยที่ต้องติดตามอื่นๆ ได้แก่ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (BREXIT), ข้อพิพาทระหว่างญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ รวมทั้งการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในประเทศ 400 บาทต่อวัน ที่จะทำให้ค่าแรงของไทยสูงขึ้นเป็นอันดับ 3 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์ และบรูไน โดยค่าจ้างที่เปลี่ยนแปลงไป 1% คาดจะส่งผลกระทบให้การส่งออกลดลง 0.06% ซึ่งการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท เท่ากับมีการปรับค่าจ้างเพิ่มขึ้นประมาณ 30% จะส่งผลกระทบให้การส่งออกลดลง 1.8.% หรือมีมูลค่าประมาณ 4,524 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad