ปัจจุบันหนึ่งโรคภัยสุขภาพที่น่ากลัวและพบมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็คือโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งยังเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งที่คร่าชีวิตคนมากที่สุด ซึ่งปัจจุบันข้อมูล ตัวเลขจำนวนคนไทยที่ป่วยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือด จากสถิติล่าสุดของกระทรวงสาธารณสุขที่เปิดเผย ณ วันที่ 16 กันยายน 2561 มีอัตราการตายถึง 20,855 คนต่อปีหรือชั่วโมงละ 2 คน
นายแพทย์สุทัศน์ คันติโต อายุรแพทย์ด้านโรคหัวใจ โรงพยาบาลพระรามเก้า อธิบายว่า โรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นโรคที่เกิดจากการสะสมของคอเลสเตอรอลและสารต่างๆ ภายในหลอดเลือด ทำให้เกิดการสร้างคราบไขมัน(Plaque) ที่ไปเกาะบริเวณผนังหลอดเลือดหัวใจ ส่งผลให้หลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตัน ปิดกั้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดที่หล่อเลี้ยงหัวใจลดลงเรื่อยๆ จนไม่เพียงพอ นำไปสู่ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันและอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจนั้นเกิดจาก อายุที่มากขึ้น ระดับคอเลสเตอรอลสูง ระดับไขมันในเลือดสูง
โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ภาวะอ้วนรวมไปถึงการการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ นอกจากนี้ ผู้ที่มีความเครียดและขาดการออกกำลังกาย ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจได้เช่นกัน ทั้งนี้ อาการของโรคหลอดเลือดหัวใจที่สามารถพบได้ ได้แก่ รู้สึกเจ็บหน้าอกจนทนไม่ไหว แน่นหน้าอกจนหายใจไม่ออก อ่อนเพลียไม่มีแรง เหนื่อยง่าย
โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ภาวะอ้วนรวมไปถึงการการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ นอกจากนี้ ผู้ที่มีความเครียดและขาดการออกกำลังกาย ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจได้เช่นกัน ทั้งนี้ อาการของโรคหลอดเลือดหัวใจที่สามารถพบได้ ได้แก่ รู้สึกเจ็บหน้าอกจนทนไม่ไหว แน่นหน้าอกจนหายใจไม่ออก อ่อนเพลียไม่มีแรง เหนื่อยง่าย
สำหรับการตรวจวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งหากผู้ป่วยให้ข้อมูลและรายละเอียดอย่างถูกต้องทั้งประวัติ และอาการที่ปรากฏจะช่วยให้สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้อง ร่วมกับการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ การตรวจหัวใจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูงหรือการวิ่งสายพาน
การรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจ แบ่งออกเป็น 4 ระดับ ประกอบด้วย ระดับที่ 1 รักษาโดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น เลิกสูบบุหรี่ ลดการบริโภคอาหาร หวาน มัน เค็มจัด เพิ่มผักสดและผลไม้ที่ไม่หวานจัดจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ ควบคุมน้ำหนัก และออกกำลังกายสม่ำเสมอ ที่สำคัญควรตรวจสุขภาพประจำปี ระดับที่ 2 รักษาโดยการใช้ยา ในผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงโรคเบาหวาน ต้องเข้ารับการรักษาด้วยยาที่ช่วยให้การไหลเวียนหรือสูบฉีดเลือดดีขึ้น ซึ่งต้องรับประทานตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพราะยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียง ระดับที่ 3รักษาโดยการทำหัตถการ เช่น การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูน (Balloon Angioplasty) หรือใส่ขดลวด (Stent) เข้าไป เพื่อขยายหลอดเลือดหัวใจตีบให้ทำงานได้เป็นปกติ และระดับที่ 4 รักษาโดยการผ่าตัด ทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Bypass Graft-CABG)
ดังนั้น โรคหลอดเลือดหัวใจ สามารถป้องกันได้จากการควบคุมปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมได้และปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมไม่ได้ ปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมไม่ได้คือ อายุ พันธุกรรม และเพศ สำหรับผู้ชายที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจก่อนอายุ 40 ปี และผู้หญิงที่เป็นโรคหัวใจก่อนอายุ 50 ปี อาจเกิดจากกรรมพันธุ์ได้ ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมได้ประกอบด้วย การใช้ชีวิต อาหาร การออกกำลังกาย การจำกัดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการงดสูบบุหรี่ รวมไปถึงเรื่องความดันโลหิตสูง เบาหวาน ระดับคอเลสเตอรอลและไขมันในเลือด หากรักษาให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ก็จะสามารถลดความเสี่ยงและห่างไกลจากการเป็นโรคหัวใจ และลดอัตราเสี่ยงที่อาจจะเสียชีวิตจากโรคนี้ได้ รวมทั้งการเข้ามาตรวจสมรรถภาพหัวใจทุกปี ก็เป็นหนึ่งแนวทางการป้องกันได้ เพราะหากรู้เร็วว่าเรามีความเสี่ยง จะสามารถรับการรักษาได้ทันท่วงที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น