ราคาตลาดโลกร่วง-ค่าบาทแข็ง ฉุดมูลค่าอ้อยทั้งระบบหายหมื่นล้าน - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2562

ราคาตลาดโลกร่วง-ค่าบาทแข็ง ฉุดมูลค่าอ้อยทั้งระบบหายหมื่นล้าน

ราคาตลาดโลกร่วง-ค่าบาทแข็ง  ฉุดมูลค่าอ้อยทั้งระบบหายหมื่นล้าน
นางวรวรรณ ชิตอรุณ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(สอน.) เปิดเผยว่าแนวโน้มราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิต ปี 2562/63 ที่ความหวาน 10 ซี.ซี.เอส.คาดว่าเฉลี่ยจะอยู่ที่กว่า 690 บาทต่อตัน เนื่องจากถูก 2 ปัจจัย กดดันจากระดับราคาน้ำตาลทรายดิบตลาดโลกที่จะนำมาเป็นปัจจัยสำคัญในการคำนวณราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่เพียง 12.50 เซนต์ต่อปอนด์จากฤดูการผลิตปีก่อนราคาเฉลี่ยที่13.50 เซนต์ต่อปอนด์ ประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทของไทยแข็งค่ามากขึ้นคาดว่าเฉลี่ยอยู่ที่ 30-30.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐขณะที่ฤดูที่ผ่านมาเฉลี่ยอยู่ที่ 32 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัย มีผลกระทบให้มูลค่าอ้อยหายไปประมาณหมื่นล้านบาท
“เฉพาะค่าเงินบาทที่แข็งค่าจากเดิม 2 บาทมีผลกระทบราว 6,000ล้านบาท ส่วนราคาตลาดโลกมีผลกระทบราว 4,000 ล้านบาท หากมองตามนี้ราคาอ้อยขั้นต้นเฉลี่ยทั้งประเทศก็จะอยู่ราว 700 กว่าบาทต่อตันหากรัฐช่วยปัจจัยการผลิตเพิ่มอีก 50 บาท ต่อตัน รายละไม่เกิน 5,000 ตัน เช่น ฤดูการผลิตที่ผ่านมาก็จะทำให้ได้รับค่าอ้อยไม่เกิน 800 บาทต่อตันส่วนจะหามาตรการเพิ่มเติมมาดูแลหรือไม่อย่างไรคงต้องรอระดับนโยบายอีกครั้ง”นางวรวรรณกล่าว
สำหรับราคาน้ำตาลทรายดิบตลาดโลกส่งมอบมีนาคม 2563 ยังคงทรงตัวระดับต่ำเฉลี่ย 11 เซนต์ต่อปอนด์ ซึ่งทิศทางน้ำตาลตลาดโลกยังคงมีกำลังการผลิตเกินความต้องการรวมประมาณ 6 ล้านตัน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ประกอบกับพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การผลิตอ้อยในส่วนของไทยในฤดูหีบปี’62/63 ที่จะเปิดหีบช่วงปลายปีนี้คาดการณ์ว่าจะมีผลผลิตอ้อยประมาณ 119 ล้านตัน
“ก่อนหน้านี้ได้คาดการณ์ปริมาณอ้อยปีนี้จะอยู่ที่ราว 119 ล้านตัน แต่ช่วงก่อนหน้านี้มีปัญหาภัยแล้งทำให้คาดการณ์ว่าจะลดเหลือ 106 ล้านตัน แต่ล่าสุดที่มีปริมาณฝนตกหนักจนทำให้เกิดอุทกภัยในภาคอีสาน โดยเฉพาะอุบลราชธานีซึ่งประเมินเบื้องต้นไม่มีผลกระทบแต่จากลักษณะที่น้ำหลากไม่ได้ขังนานมีผลต่ออ้อยในทางที่ดีจึงมองว่าอ้อยน่าจะเป็นไปตามประเมินครั้งแรกที่ 119 ล้านตัน แต่ก็ถือว่าลดลงจากปีที่ผ่านมาที่ผลผลิตอ้อยอยู่ที่ 131 ล้านตัน” นางวรวรรณกล่าว
แหล่งข่าวจากวงการอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย กล่าวว่า จากภาวะราคาน้ำตาลทรายตลาดโลกตกต่ำและค่าบาทที่แข็งค่าส่งผลให้โรงงานน้ำตาลทรายยังไม่สามารถส่งออกได้มากนักจึงต้องเร่งหาโกดังเพิ่มเติมเพื่อรับกับผลผลิตที่กำลังจะออกมาใหม่ อย่างไรก็ตาม จากการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำหวานรอบ 2 เป็น 3 บาทต่อลิตรมีผล 1 ตุลาคมนั้น อาจมีผลต่อการเติบโตการบริโภคน้ำตาลในประเทศลดลงแต่จะมากน้อยเพียงใดคงต้องติดตามในระยะยาว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad