แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น กับมูลค่าการเสนอขาย IPO 48,000 ล้านบาท ถือเป็น IPO หุ้นสามัญมูลค่าสูงที่สุดที่เคยมีมาในประเทศไทย - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2562

แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น กับมูลค่าการเสนอขาย IPO 48,000 ล้านบาท ถือเป็น IPO หุ้นสามัญมูลค่าสูงที่สุดที่เคยมีมาในประเทศไทย

         บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) ได้มีการลงนามในสัญญาจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) มูลค่า 48,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของกระบวนการเสนอขายหุ้นสามัญที่มีมูลค่าสูงที่สุดที่เคยมีมาในประเทศไทย โดยได้จัดสรรหุ้นทั้ง 8,000 ล้านหุ้น ให้กับนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและในต่างประเทศ รวมถึงนักลงทุนรายย่อยในประเทศ โดยสัดส่วนระหว่างนักลงทุนในต่างประเทศและนักลงทุนในประเทศคิดเป็น ร้อยละ 53 และ 47 ตามลำดับ นอกจากนี้ การเสนอขายหุ้น IPO ของ AWC ในครั้งนี้ นับเป็นการเสนอขายหุ้น IPO ของบริษัทที่ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 

(Real Estate) ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา และด้วยมูลค่าเสนอขายดังกล่าว เป็นผลให้ AWC มีโอกาสได้รับการจัดเข้าไปรวมอยู่ในดัชนี SET50 ด้วยเกณฑ์ในแบบ Fasttrack*
          จากที่แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น ได้เปิดจองซื้อหุ้นสามัญสำหรับนักลงทุนรายย่อยในประเทศไทยระหว่างวันที่ 25 – 27 กันยายน 2562 พบว่านักลงทุนรายย่อยในประเทศไทยให้ความสนใจจองซื้อหุ้น AWC เป็นจำนวนมาก ท่ามกลางสภาวะตลาดหลักทรัพย์ที่มีความผันผวน สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานที่มีความแข็งแกร่ง และความสามารถในการสร้างความเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ผลการสำรวจความต้องการจองซื้อหุ้นของนักลงทุนสถาบัน (Bookbuilding) ยังแสดงให้เห็นถึงความสนใจอย่างมากจากนักลงทุนสถาบันชั้นนำทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
          ในการนี้ บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายและสัญญาซื้อขายหุ้นเบื้องต้นในต่างประเทศ โดยมีผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) และมีผู้ซื้อหุ้นเบื้องต้นในต่างประเทศ (Initial Purchasers) ได้แก่ Merrill Lynch (Singapore) Pte. Ltd. Morgan Stanley & Co. International plc. และ UBS AG, Singapore Branch โดย AWC เตรียมพร้อมเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในต้นเดือนตุลาคม 2562
          นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น ขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านทั้งนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศที่ให้ความเชื่อมั่นในศักยภาพของ AWC ในฐานะบริษัทพัฒนาและบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในเครือ TCC Group ที่มุ่งเน้นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรในประเทศไทย ด้วยพอร์ตโฟลิโอการลงทุนที่หลากหลายในทำเลที่ดีเยี่ยม และร่วมลงทุนใน AWC อย่างคึกคัก แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น จะมุ่งมั่นต่อยอดความสำเร็จทางธุรกิจด้วยคุณค่าที่ยั่งยืนในระยะยาวเพื่อให้บรรลุความตั้งใจของบริษัทฯ ที่จะสร้างโอกาสให้นักลงทุนมีโอกาสได้เป็นเจ้าของธุรกิจพัฒนาและบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพ และเติบโตต่อยอดความสำเร็จไปด้วยกันอย่างยั่งยืน"
          แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น จะนำเงินที่ระดมทุนได้ในครั้งนี้ ไปต่อยอดทั้งสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality) และกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail & Commercial Building) ผ่านการเข้าซื้อกิจการที่เป็นเจ้าของของทรัพย์สินตามสัญญาซื้อขายหุ้นปี 2562 ซึ่งจะเป็นโครงการใหม่ ๆ ที่เข้ามาเสริมในพอร์ตฟอลิโอของ AWC หลังการทำ IPO รวมทั้งนำไปลงทุนพัฒนาและปรับปรุงทรัพย์สินของบริษัทฯ และ/หรือ บริษัทย่อย และ/หรือ ทรัพย์สินที่จะได้มาเพิ่มเติมตามสัญญาซื้อขายหุ้นปี 2562 เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนให้บริษัทฯและผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น นอกจากนี้บางส่วนจะใช้ในการชำระคืนเงินกู้ยืมเพื่อลดต้นทุนทางการเงิน และเพื่อประโยชน์ในการบริหารเงิน (Treasury Management) ของบริษัทฯ
          ทั้งนี้ แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 40.0 ของกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติตามงบการเงินรวมของบริษัทฯ หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และหลังหักเงินสำรองต่าง ๆ ตามที่กฏหมายและบริษัทฯ กำหนดไว้ในแต่ละปี โดยเงินปันผลที่จ่ายจะไม่เกินกว่ากำไรสะสมของงบการเงินเฉพาะกิจการ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการอาจกำหนดการจ่ายเงินปันผลและอัตราการจ่ายปันผลที่แตกต่างไปจากอัตราที่กำหนดนี้ไว้ได้ โดยคำนึงถึงผลการดำเนินงาน ฐานะทางการเงิน กระแสเงินสด เงินทุนหมุนเวียน และแผนการลงทุนและการขยายธุรกิจ สภาพตลาด ภาระหนี้สิน เงื่อนไขและข้อจำกัดตามที่กำหนดไว้ในสัญญากู้ยืมเงิน และความเหมาะสมอื่น ๆ ในอนาคตของบริษัทฯ รวมทั้งความจำเป็น ตลอดจนปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งคณะกรรมการบริษัทพิจารณาเห็นสมควร
          ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.assetworldcorp-th.com/
          อ้างอิง :ข้อมูลจากหลักเกณฑ์การจัดทำดัชนีของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องการเปลี่ยนแปลงรายชื่อหลักทรัพย์ระหว่างรอบ เกี่ยวกับหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนใหม่ (New Issue) โดยหากหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนใหม่เป็นหลักทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ (เช่น เป็นหลักทรัพย์ที่คาดว่าจะมีมูลค่าตลาดมากกว่าร้อยละ 1 ของมูลค่าตลาดรวมของหลักทรัพย์ที่รวมในการคำนวณ SET Index หรือคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ในช่วง 20 ลำดับแรกของหลักทรัพย์ในดัชนี SET50 / ดัชนี SET100) ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะนำหลักทรัพย์ดังกล่าวมารวมในการคำนวณดัชนี SET50 และ SET100 โดยจะประกาศให้ผู้ลงทุนทราบล่วงหน้าเป็นการทั่วไปโดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะนำหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) น้อยที่สุดออกจากการคำนวณดัชนีและนำไปอยู่ในกลุ่มหลักทรัพย์สำรอง (Reserve List) แทนและนำหลักทรัพย์ที่เข้าใหม่ข้างต้น รวมในการคำนวณดัชนี SET50 และ SET100 ในวันทำการที่ 3 (T+3) นับจากวันที่มีการซื้อขายเป็นวันแรก (T)
          หมายเหตุ
          เอกสารฉบับนี้ไม่ถือเป็นการเสนอขายหลักทรัพย์ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยหลักทรัพย์ดังกล่าวไม่สามารถถูกเสนอขายหรือขายในประเทศสหรัฐอเมริกาโดยปราศจากการจดทะเบียนหรือการได้รับยกเว้นภายใต้พระราชบัญญัติหลักทรัพย์แห่งสหรัฐฯ ค.ศ. 1933 (U.S. Securities Act of 1933) และที่แก้ไขเพิ่มเติม ผู้ออกหลักทรัพย์มิได้ประสงค์จะจดทะเบียนส่วนใดส่วนหนึ่งของการเสนอขายครั้งนี้ หรือ เสนอขายหลักทรัพย์ที่ถูกอ้างถึงในเอกสารฉบับนี้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไปในสหรัฐอเมริกา การสื่อสารหรือข้อมูลในเอกสารนี้มิใช่เป็นการเรียกร้องเงิน หลักทรัพย์ หรือข้อพิจารณาอื่น ๆ และเงิน หลักทรัพย์ หรือข้อพิจารณาอื่น ๆ ที่ส่งมาจากผลของการสื่อสารหรือข้อมูลในเอกสารนี้จะไม่ได้รับการยอมรับ
          ข้อมูลที่ระบุในเอกสารฉบับนี้จะต้องถูกเผยแพร่เป็นภาษาไทยและในประเทศไทยเท่านั้น และไม่สามารถทำซ้ำ (ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน) เป็นภาษาอื่นใดไม่ว่าจะผ่านวิธีการใดๆ การเผยแพร่เอกสารฉบับนี้อาจถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายในเขตอำนาจศาลบางแห่ง ห้ามเผยแพร่เอกสารนี้ในประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศแคนาดา ประเทศญี่ปุ่น ประเทศออสเตรเลีย หรือในเขตอำนาจศาลใดๆ ที่การเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้ไม่ถือเป็นการเสนอขายหลักทรัพย์ในประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศแคนาดา ประเทศญี่ปุ่น ประเทศออสเตรเลีย หรือในเขตอำนาจศาลใดๆ ที่การเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

          เกี่ยวกับแอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น
          บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) (AWC) เป็นบริษัท Holding Company ภายใต้เครือทีซีซีกรุ๊ป (TCC Group) ซึ่งประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่มุ่งตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรในประเทศไทย โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality) ซึ่งบริหารงานโดยผู้บริหารโรงแรมที่มีชื่อเสียงภายใต้ แบรนด์ชั้นนำที่มีคุณภาพและเป็นที่รู้จักระดับสากล อาทิ แมริออท, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล, โอกุระ, เลอ เมอริเดียน, บันยันทรี, ฮิลตัน, ดับเบิ้ลทรี บาย ฮิลตัน, เชอราตัน และมีเลีย และกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail and Commercial Building) ซึ่งครอบคลุมโครงการในกลุ่ม (1) อสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้า (Retail and Wholesale) ได้แก่ สถานที่ท่องเที่ยวแนวไลฟ์สไตล์ คอมมูนิตี้ชอปปิงมอลล์ คอมมูนิตี้ มาร์เก็ต และอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้าส่ง โดยอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้ามีโครงการที่มีชื่อเสียงคือ โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ โครงการเกทเวย์ แอท บางซื่อ โครงการพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า ประตูน้ำ และโครงการตะวันนา บางกะปิ (2) อาคารสำนักงาน (Office) โดยโครงการที่โดดเด่นในเครือ AWC คือ อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ และอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลทางธุรกิจที่มีศักยภาพในใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ ทั้งนี้ AWC มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการหลากหลายที่ได้รับรางวัลต่าง ๆ มากมาย
          หมายเหตุ: เอกสารฉบับนี้ได้ถูกจัดเตรียมขึ้นโดยบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) ("บริษัทฯ") สำหรับเพื่อการให้สัมภาษณ์โดยเฉพาะเจาะจงเท่านั้น เอกสารฉบับนี้ไม่ถือเป็นการเสนอขาย หรือการเชิญชวนให้ซื้อหรือการแนะนำหลักทรัพย์ใดๆ โดยบริษัทฯ
          ผู้ลงทุนควรเข้าใจว่า การได้มาซึ่งทรัพย์สินดังต่อไปนี้ ได้แก่ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ เอ็กซ์เพรส กรุงเทพ สาทร, โรงแรม แบงค็อกแมริออท เดอะ สุรวงศ์, โรงแรม ภูเก็ต แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา, ในยางบีช, โรงแรม หัวหิน แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา, แกรนด์โซเล่, โครงการหัวหิน บีชฟรอนท์, อิมพีเรียลแม่ปิง, โรงแรมบันยันทรี จอมเทียน พัทยา, พัทยา มิกซ์ยูส รีเทล แอนด์ โฮเทล ดีเวลล็อปเมนต์, โรงแรมเจริญกรุง 93, โรงแรม อีสต์ เอเชีย และ พรพิงค์ ทาวเวอร์ (รวมเรียกว่า "ทรัพย์สินกลุ่ม 3") ภายใต้สัญญาซื้อขายหุ้นของทรัพย์สินกลุ่ม 3 ลงวันที่ 1 มีนาคม 2562 ("สัญญาซื้อขายหุ้นปี 2562") อาจเป็นการได้มาซึ่งทรัพย์สินบางส่วนหรืออาจไม่ได้มาซึ่งทรัพย์สินทั้งหมดหากมีเหตุการณ์บางเหตุการณ์เกิดขึ้น เช่น การละเมิดคำรับรองและคำรับประกันของทรัพย์สินใดๆ ภายใต้สัญญาซื้อขายหุ้นปี 2562 ซึ่งรวมถึงการละเมิดคำรับรองและคำรับประกันเกี่ยวกับใบอนุญาตและการอนุญาตที่เป็นสาระสำคัญที่จำเป็นต้องมีสำหรับการดำเนินธุรกิจ หรือเหตุการณ์อื่นใดซึ่งรวมถึงสถานะทางการเงินของผู้ขาย นอกจากนี้ บริษัทฯ อาจไม่สามารถลงทุนหรือพัฒนาโครงการเกทเวย์ เอกมัย และ/หรือโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ส่วนต่อขยาย ดังที่ระบุไว้ในบันทึกข้อตกลง 2 ฉบับ ลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2562 หากคู่สัญญาไม่สามารถเข้าทำสัญญาในการลงทุนหรือพัฒนาโครงการ 2 โครงการดังกล่าวได้ภายในปี 2563

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad