ASIAN เผยไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีสหรัฐฯตัดสิทธิ GSP โบรกฯ ชี้มีโอกาสที่จะทยอยสะสม แนะนำ “ซื้อ” เคาะเป้าราคา 6.50 บาท - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ASIAN เผยไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีสหรัฐฯตัดสิทธิ GSP โบรกฯ ชี้มีโอกาสที่จะทยอยสะสม แนะนำ “ซื้อ” เคาะเป้าราคา 6.50 บาท


          บมจ.ห้องเย็นเอเชี่ยน ซีฟู้ด หรือ ASIAN ระบุไม่ได้รับผลกระทบกรณีสหรัฐฯ ใช้มาตรการกีดกันการค้ากับไทย ด้วยการระงับสิทธิ GSP ด้านบล.เคทีบี(ประเทศไทย) ระบุปัจจุบัน ASIAN มุ่งสู่ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีมาร์จิ้นสูง ขณะที่กลุ่มธุรกิจอาหารแช่แข็งตั้งเป้าเปลี่ยนแปลงธุรกิจสู่ผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า (Value-Added) ประเมินแนวโน้มผลงานมีโอกาสฟื้นตัวขึ้น แนะนำ "ซื้อ" เคาะราคาเป้าหมาย 6.50 บาท

          ทั้งนี้ จากกรณีที่สหรัฐอเมริกา เดินหน้าใช้มาตรการกีดกันการค้ากับไทย ด้วยการระงับสิทธิภาษีศุลกากร (GSP) กับไทย 573 สินค้ามูลค่าสินค้าราว 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะมีผลใน 25 เม.ย. 63 โดยสินค้าหลักๆ คือ สินค้าอาหารทะเล พาสต้า ถั่วน้ำผลไม้ อุปกรณ์เครื่องครัว เหล็กแผ่น ซึ่งไทยส่งออกไปสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกอันดับ 2
          นายเฮ็นริคคัส แวน เวสเทนดร็อป ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัท ห้องเย็นเอเชี่ยน ซีฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN ผู้ประกอบธุรกิจแปรรูปสัตว์น้ำแช่แข็ง จำหน่ายและส่งออก ทั้งที่เป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัท และผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของลูกค้า และผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยง เปิดเผยว่ากรณีดังกล่าว จากการตรวจสอบโดยการเช็คพิกัดส่งออก พบว่า ยังไม่มีผลกระทบกับบริษัท กล่าวคือ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทูน่า และอาหารแช่เยือกแข็งที่ ASIAN ส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ อยู่ในพิกัดที่ไม่ถูกตัดสิทธิ GSP ในขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง (pet food) ก็ไม่ได้รับผลกระทบ
          ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ ASIAN ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารที่มีประสบการณ์ยาวนาน โดย ASIAN เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารทั้งในประเทศตลอดจนส่งออกไปทั่วโลก โดยส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์กลุ่มกุ้งแช่เยือกแข็งเป็นหลัก โดย ASIAN มีรายได้หลักมาจากธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็ง 42% ของรายได้ตามด้วยธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง 31% อาหารสัตว์ 11% และธุรกิจทูน่า 10% ทั้งนี้ ASIAN มีประสบการณ์ในธุรกิจอาหารมาเป็นระยะเวลายาวนานถึง 40 ปี
          ปัจจุบัน ASIAN มุ่งสู่ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีมาร์จิ้นสูง มีแผนมุ่งหน้าสู่ธุรกิจอาหารสัตว์ (คิดเป็น 31% ของรายได้รวม สูงเป็นอันดับสองรองจากกลุ่มธุรกิจอาหารแช่แข็งซึ่งมีสัดส่วน 42% ของรายได้รวม) ธุรกิจอาหารสัตว์มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงในระดับ 12%-20% มากกว่ากลุ่มอาหารทะเลทั่วไป ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ประมาณ
          5-10% อีกทั้งบริษัทเริ่มเปิดตลาดเพื่อผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงในประเทศจีน ซึ่งมีการเติบโตสูง โดยคาดว่า ASIAN จะมีรายได้จากกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงเติบโตที่ CAGR 30.8% ระหว่างช่วงปี 2016-2020 นอกจากนี้ในกลุ่มธุรกิจอาหารแช่แข็ง ASIAN ตั้งเป้าเปลี่ยนแปลงธุรกิจสู่ผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า (Value-Added) เช่นกัน โดยจะทยอยลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตประมาณ 1,000 ล้านบาท ในช่วงปี 2019-2020
          ทั้งนี้ มองว่ามีโอกาสที่จะทยอยสะสม เนื่องจากแนวโน้มต่อจากนี้ไปมีโอกาสฟื้นตัวขึ้น จากการเริ่มเปิดตลาดในประเทศจีน และการขยายธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงอย่างต่อเนื่อง ในปี 2563 คาดว่ากำไรจะกลับมาเติบโตจาก Efficiency ที่ปรับตัวดีขึ้น ประเมิน gross profit margin ขยายตัวได้ประมาณ 9.5% ใกล้กับในช่วงปี 2017-2018 และการรับรู้รายได้เต็มปีจากโครงการในประเทศจีนรวมถึงการเดินหน้าขยายธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงในตลาดต่างๆอย่างต่อเนื่อง แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad