หนัง-แอนิเมชันไทยสุดฮอต คู่ค้าตบเท้าเจรจาซื้อขาย “จุรินทร์”เล็งทำแผนหนุนโกอินเตอร์เพิ่ม
หนังไทย แอนิเมชันไทย โปรดักชันไทย สุดฮอต คู่ค้าตบเท้าเข้าเจรจาซื้อขายในงาน American Film Market 2019 ผ่านมาแค่ 3 วันเกิดการเจรจาธุรกิจแล้ว 185 ครั้ง มูลค่า 457 ล้านบาท คาดจบงานยอดพุ่งกว่านี้อีก “จุรินทร์”เตรียมเดินหน้ากำหนดนโยบายส่งเสริมและผลักดันต่อทันที หลังเห็นฝีมือคนไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ย.2562 ตามเวลาในสหรัฐฯ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ได้เดินทางไปเยี่ยมชมบูธของผู้ประกอบการไทย ที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ได้นำเข้าร่วมงาน American Film Market 2019 (AFM) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-13 พ.ย.2562 ณ เมืองซานต้า มอนิกา ลอสแอนเจลิส สหรัฐฯ
โดยนายจุรินทร์ ได้เยี่ยมชมทั้ง 8 บูธของผู้ประกอบการไทย ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายภาพยนตร์ไทย และได้นำผลงานเด่นมานำเสนอในงาน ได้แก่ จอมขมังเวทย์ ของ บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด Bad Genius The series ของบริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด Khun Phaen Begins ของบริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส จำกัด เป็นต้น และยังมีบริษัท เดอะมั้งค์ สตูดิโอ จำกัด ที่ทำ Animation และบริษัทที่ให้บริการถ่ายทำภาพยนตร์ (Production Serives) เช่น บริษัท เบนีโทน ฟิล์มส์ จำกัด
นายจุรินทร์กล่าวว่า ปีนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้นำพาผู้ประกอบการภาพยนตร์มาเข้าร่วมงาน คาดว่ารายได้ปีนี้จะไม่น้อยกว่าปีก่อน โดยนำมาทุกปี และเท่าที่ดู เห็นได้ชัดเจนว่าภาพยนตร์ไทยและเอนิเมชันของไทย มีพัฒนาการที่ดี และไม่แพ้ประเทศใดในโลก ประกอบกับหลังจากที่ได้ไปเยี่ยมสตูดิโอยักษ์ใหญ่มาเทียบกับไทย พบว่า ฝีมือคนไทย ก็ไม่ได้แพ้ใคร เรามีพัฒนาการก้าวหน้ามาก
“หลังจากกลับไป จะได้หารือแนวทางเกี่ยวกับส่งเสริมและผลักดันการส่งออกภาพยนตร์ เพราะเป็นสินค้าบริการเป็นชนิดหนึ่งที่จะสามารถนำรายได้เข้าประเทศ ทำให้ตัวเลขการส่งออกเพิ่มขึ้นได้ โดยจากการที่ได้มีโอกาสพบกับผู้สร้างทุกคน เห็นว่าพัฒนาการดี ทำให้สามารถจัดและเปลี่ยนประสบการณ์ และกระทรวงพาณิชย์จะได้นำไปเป็นแนวบริหารนโยบายต่อไป"นายจุรินทร์กล่าว
รายงานข่าวกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ แจ้งว่า จากการเจรจาธุรกิจในช่วง 3 วันที่ผ่านมา เกิดการเจรจาทั้งสิ้น 185 ครั้ง รวมมูลค่าการเจรจาทั้งหมด 457.56 ล้านบาท และการเจรจายังคงดำเนินการเจรจากันต่อไป คาดว่ามูลค่าการซื้อขายจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับแพกเกจคอนเทนต์ที่ได้นำไปเสนอครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 6 แพกเกจ ได้แก่ 1.Series Package 2.Horror Package 3.Drama Package 4.Action Package 5.Animation Package 6.Production Service Package และยังได้รุกเจาะตลาดวีดีโอออนดีมานด์ แอปพลิเคชั่น สตรีมมิ่ง ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตด้วย เพื่อผลักดันให้ผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น Netflix , Apple TV และ HOOQ รวมถึง Disney+ ซื้อลิขสิทธิ์ของไทยไปให้บริการกับลูกค้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ย.2562 ตามเวลาในสหรัฐฯ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ได้เดินทางไปเยี่ยมชมบูธของผู้ประกอบการไทย ที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ได้นำเข้าร่วมงาน American Film Market 2019 (AFM) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-13 พ.ย.2562 ณ เมืองซานต้า มอนิกา ลอสแอนเจลิส สหรัฐฯ
โดยนายจุรินทร์ ได้เยี่ยมชมทั้ง 8 บูธของผู้ประกอบการไทย ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายภาพยนตร์ไทย และได้นำผลงานเด่นมานำเสนอในงาน ได้แก่ จอมขมังเวทย์ ของ บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด Bad Genius The series ของบริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด Khun Phaen Begins ของบริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส จำกัด เป็นต้น และยังมีบริษัท เดอะมั้งค์ สตูดิโอ จำกัด ที่ทำ Animation และบริษัทที่ให้บริการถ่ายทำภาพยนตร์ (Production Serives) เช่น บริษัท เบนีโทน ฟิล์มส์ จำกัด
นายจุรินทร์กล่าวว่า ปีนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้นำพาผู้ประกอบการภาพยนตร์มาเข้าร่วมงาน คาดว่ารายได้ปีนี้จะไม่น้อยกว่าปีก่อน โดยนำมาทุกปี และเท่าที่ดู เห็นได้ชัดเจนว่าภาพยนตร์ไทยและเอนิเมชันของไทย มีพัฒนาการที่ดี และไม่แพ้ประเทศใดในโลก ประกอบกับหลังจากที่ได้ไปเยี่ยมสตูดิโอยักษ์ใหญ่มาเทียบกับไทย พบว่า ฝีมือคนไทย ก็ไม่ได้แพ้ใคร เรามีพัฒนาการก้าวหน้ามาก
“หลังจากกลับไป จะได้หารือแนวทางเกี่ยวกับส่งเสริมและผลักดันการส่งออกภาพยนตร์ เพราะเป็นสินค้าบริการเป็นชนิดหนึ่งที่จะสามารถนำรายได้เข้าประเทศ ทำให้ตัวเลขการส่งออกเพิ่มขึ้นได้ โดยจากการที่ได้มีโอกาสพบกับผู้สร้างทุกคน เห็นว่าพัฒนาการดี ทำให้สามารถจัดและเปลี่ยนประสบการณ์ และกระทรวงพาณิชย์จะได้นำไปเป็นแนวบริหารนโยบายต่อไป"นายจุรินทร์กล่าว
รายงานข่าวกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ แจ้งว่า จากการเจรจาธุรกิจในช่วง 3 วันที่ผ่านมา เกิดการเจรจาทั้งสิ้น 185 ครั้ง รวมมูลค่าการเจรจาทั้งหมด 457.56 ล้านบาท และการเจรจายังคงดำเนินการเจรจากันต่อไป คาดว่ามูลค่าการซื้อขายจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับแพกเกจคอนเทนต์ที่ได้นำไปเสนอครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 6 แพกเกจ ได้แก่ 1.Series Package 2.Horror Package 3.Drama Package 4.Action Package 5.Animation Package 6.Production Service Package และยังได้รุกเจาะตลาดวีดีโอออนดีมานด์ แอปพลิเคชั่น สตรีมมิ่ง ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตด้วย เพื่อผลักดันให้ผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น Netflix , Apple TV และ HOOQ รวมถึง Disney+ ซื้อลิขสิทธิ์ของไทยไปให้บริการกับลูกค้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น