ปัจจุบันเกษตรกรไทยส่วนใหญ่อายุค่อนข้างมากและก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ ส่งผลให้การประกอบอาชีพเกษตรกรรมมีประสิทธิภาพลดลง ขณะที่เยาวชนรุ่นใหม่และบุตรหลานเกษตรกรสนใจเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ทำให้การสานต่ออาชีพเกษตรกรรมจากบรรพบุรุษมีแนวโน้มลดลง ซึ่งการเลี้ยงโคนมก็เป็นหนึ่งอาชีพที่กำลังเผชิญปัญหาดังกล่าว อ.ส.ค.จึงต้องกำหนดแนวทางพัฒนาเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมให้เข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้ ซึ่งเป็นการสืบสานอาชีพเลี้ยงโคนมให้มั่นคงยั่งยืน นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการตลาด โดยพยายามให้นมของอ.ส.ค.ส่งไปทั่วโลก ทำให้เป็นฮาลาลด้วย โดยต้องปรับปรุงให้เป็นไปตามบทบัญญัติของโลก เพื่อหาช่องทางส่งออกไปตลาดโลกที่หลากหลายเพิ่มขึ้น
จากนั้นได้เยี่ยมชมโรงงานนมเชียงใหม่ที่อ.ส.ค.ได้ขยายกำลังผลิตนมพาสเจอร์ไรส์ โดยนำไปปรับปรุงในส่วนโรงงาน ระบบการผลิต และเครื่องจักรใหม่ ซึ่งปัจจุบันการผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มสูงขึ้นตามความต้องการของตลาด ดังนั้น การลงทุนปรับปรุงและขยายไลน์ผลิตนมพาสเจอร์ไรส์ที่โรงงานนม อ.ส.ค. จ.เชียงใหม่ จึงเป็นสิ่งสำคัญ ทำให้รองรับปริมาณน้ำนมดิบจากสหกรณ์โคนมและเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมจากภาคเหนือได้มากขึ้น เพราะปริมาณน้ำนมดิบภาคเหนือมีเพียงพอและมีมากกว่ากำลังการผลิตเดิมที่เคยผลิตได้ 15 ตัน/วัน ขยายเป็น 30 ตัน/วัน ทำให้อ.ส.ค.รับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรได้มากขึ้นอีกเท่าตัว
น.ส.มนัญญากล่าวต่อว่า เมื่อกำลังผลิตนมพาสจอร์ไรส์สูงขึ้น จะส่งผลิตภัณฑ์สู่ตลาดเพิ่มขึ้นด้วย จึงเป็นการช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดเชิงรุกให้ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค ที่กระจายผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์ให้เข้าถึงและทั่วภาคเหนือ รวมถึงภูมิภาคอื่นทั่วประเทศ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์ไทย-เดนมาร์คยังวางแผนขยายตลาดไปกลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ตลอดจนร้านนมในพื้นที่ภาคเหนืออีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น