ILINK ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งการก่อสร้างอาคารSAT-1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ILINK ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งการก่อสร้างอาคารSAT-1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ILINK ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งการก่อสร้างอาคารSAT-1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ILINK ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งการก่อสร้างอาคาร SAT-1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK ประกาศเดินหน้าลุยโครงการก่อสร้างอาคารหลังที่ 1 (Midfield Satellite) หรือSAT-1 หลัง ILINK คว้างานมูลค่า สัญญาราว4,080 ลบ. ได้แก่ CC-3 งานก่อสร้างระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูงและสาธารณูปโภค มูลค่า 1,980 ลบ. และ CC-4 งานซื้อพร้อมติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) ร่วมกับ SEIMEN มูลค่า 2,100 ลบ. คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในเดือน ธ.ค. 2563
นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) เผยว่า หลังจากที่ ILINKได้เข้าร่วมพัฒนา โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2” ในงานจ้างก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค เป็นการดำเนินงานรูปแบบทำสายไฟฟ้าลงใต้ดินและงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยชนิด GIS Substation ซึ่งถือเป็นงานที่ ILINK มีความถนัดและเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก ร่วมกับงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคอื่นๆภายในอาคารสนามบินสุวรรณภูมิของบมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) มูลค่างานทั้งสิ้น 1,980 ล้านบาท
นอกจากนี้ ILINK ยังคว้าอีก สัญญา ในงานซื้อพร้อมติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (Automated People Mover : APM) มูลค่า 2,100 ล้านบาท ILINK ได้ร่วมมือกับรถไฟฟ้าของบริษัท ซีเมนส์ จำกัด ในการจัดหาระบบรถไฟฟ้ารุ่น Airvalสำหรับใช้เชื่อมต่อขนส่งผู้โดยสารระหว่างอาคารผู้โดยสารหลักกับอาคาร SAT 1 ปัจจุบันโครงการได้คืบหน้าอย่างมาก ILINK มีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะดำเนินการและส่งมอบงานอย่างมีคุณภาพและตามเวลาที่กำหนด คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จทั้งโครงการในช่วงปลายปี 2563 และเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปลายปี 2563 ซึ่งจะทำให้ขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพิ่มขึ้นจากเดิม 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี

ข้อมูลบริษัท :  
          บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ประกอบด้วย ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจจัดจำหน่าย โดยเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสัญญาณที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนและเปิดดำเนินธุรกิจมานานกว่า32 ปี มีสาขา  แห่ง ครอบคลุมทั่วประเทศและมีตัวแทนจำหน่าย ผู้ค้าและร้านค้า อยู่ทั่วประเทศมากกว่า15,000 ราย รวมทั้งลูกค้าภาครัฐอีกมากกว่า 100 องค์กร อีกทั้งยังได้นำความเชี่ยวชาญมาต่อยอดเป็นธุรกิจโทรคมนาคม โดยเป็นผู้ให้บริการการสื่อสารผ่านโครงข่ายสายไฟเบอร์ออฟติกทั่วไทย เน้นลูกค้าที่มีการเชื่อมโยงสาขา ทั้งภาคธุรกิจ ภาคการเงินและภาครัฐ โดยยังได้สร้างศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อให้บริการรับฝากข้อมูลของลูกค้ารายใหญ่อีกด้วยและอีกหนึ่งธุรกิจที่นำความเชี่ยวชาญของทีมวิศวกรรมมารับเหมางานโครงการก็คือ ธุรกิจวิศวกรรม เป็นโครงการ Turn Key การก่อสร้างระบบโครงข่ายและระบบสายเคเบิ้ลไฟฟ้าและสื่อสาร เช่น ระบบสายไฟฟ้าใต้ทะเล โครงการสายส่งไฟฟ้า และสายเคเบิ้ลใต้ดิน เป็นต้น    
ในปี 2562 ได้ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 5,485 ล้านบาท โดยประมาณการสัดส่วนรายได้ดังนี้
1.ธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ (DISTRIBUTION)        :  (สัดส่วนรายได้ประมาณ 45%)
2.ธุรกิจโทรคมนาคม (TELECOM)                           :  (สัดส่วนรายได้ประมาณ  37%)
3.ธุรกิจวิศวกรรมและโครงการพิเศษ (ENGINEERING)   :  (สัดส่วนรายได้ประมาณ 18%)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad