“พาณิชย์”เดินหน้าช่วยภาคเอกชนเตรียมความพร้อม รับมือสหรัฐฯ ตัดจีเอสพี เม.ย.63 - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2563

“พาณิชย์”เดินหน้าช่วยภาคเอกชนเตรียมความพร้อม รับมือสหรัฐฯ ตัดจีเอสพี เม.ย.63

img

“พาณิชย์”ส่งหนังสือถึงสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ถามย้ำผู้ส่งออกสินค้าใดกระทบ ต้องการให้รัฐช่วยเหลืออย่างไร กรณีสหรัฐฯ จะตัดจีเอสพี เม.ย.63 นี้ หวังช่วยเหลือตรงจุด มีประสิทธิภาพ หลังเบื้องต้นมีแผนช่วยทั้งเดินหน้าหาตลาดใหม่ หนุนใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอส่งออก ย้ำสหรัฐฯ ตัดจีเอสพีไทย จากเรื่องแรงงาน ส่วนเรื่องไม่นำเข้าหมูมีสารเร่งเนื้อแดง จะกระทบถูกตัดเพิ่มหรือไม่ ยังไม่ทราบได้ แต่ล่าสุด 2 ฝ่ายอยู่ระหว่างรอผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ คาดได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหากรณีที่สหรัฐฯ เตรียมตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) สินค้าไทยกว่า 500 รายการตั้งแต่เดือนเม.ย.2563 เป็นต้นไป ว่า กรมฯ ได้ส่งแบบสอบถามไปยังภาคเอกชน เช่น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เพื่อให้ช่วยสอบถามผู้ส่งออกที่เป็นสมาชิกว่าสินค้าใดที่คาดจะได้รับผลกระทบบ้าง และต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลืออย่างไร เพื่อให้การช่วยเหลือถูกจุด และมีประสิทธิภาพในการบรรเทาผลกระทบมากที่สุด เพราะการถูกตัดจีเอสพี ทำให้สหรัฐฯ กลับมาเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยในอัตราภาษีปกติ หรือเฉลี่ยจะถูกเก็บภาษีที่ 4-5% จากเดิมที่ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า หรือเสียในอัตราต่ำกว่าปกติ

“กรมฯ ได้ส่งแบบสอบถามออกไปแล้ว ตอนนี้ รอให้ภาคเอกชนตอบกลับมา แต่จากการหารือเบื้องต้น ส่วนใหญ่บอกว่าได้รับผลกระทบน้อย เพราะเสียภาษีเพิ่มขึ้นไม่มากนัก โดยอาจมีบางสินค้าที่ถูกเก็บภาษีมากขึ้น และอาจได้รับผลกระทบมาก เช่น เซรามิก รวมถึงผู้ส่งออกรายเล็กที่ไม่เคยให้ข้อมูลกับภาครัฐ โดยกรมฯ กำลังรอฟังคำตอบว่าต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือบรรเทาผลกระทบอย่างไรบ้าง เพราะอยากให้มาตรการที่ภาครัฐออกไป มีประโยชน์มากที่สุด ไม่ใช่ออกมาตรการช่วยเหลือไปแล้ว เอกชนไม่ได้ใช้ประโยชน์ หรือเป็นประโยชน์กับภาคเอกชนน้อย”นายกีรติกล่าว

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้มีมาตรการบางส่วน เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบอยู่แล้ว เช่น การเดินหน้าหาตลาดใหม่สำหรับสินค้าที่สหรัฐฯ จะตัดจีเอสพี การให้ความรู้กับผู้ส่งออกในการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ต่างๆ ของไทย ในการส่งออกสินค้าไปยังประเทศคู่เจรจาเอฟทีเอ เพื่อสร้างแต้มต่อเหนือประเทศคู่แข่งที่ไม่ได้ทำเอฟทีเอ เป็นต้น

นายกรติกล่าวว่า สำหรับการหารือกับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (ยูเอสทีอาร์) ผ่านวิดีโอ คอนเฟอร์เรนซ์ เมื่อต้นเดือนธ.ค.2562 ที่ผ่านมา ยูเอสทีอาร์ได้ยืนยันว่าสาเหตุของการจะตัดสิทธิครั้งนี้ มาจากกรณีที่ไทยไม่ให้สิทธิแรงงานต่างด้าวตามมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศ และขอให้ไทยแก้ไขกฎหมายแรงงานตามประเด็นที่สหรัฐฯ เรียกร้อง ซึ่งในเรื่องนี้ กระทรวงแรงงานได้ชี้แจงไปแล้วว่า ขณะนี้กระทรวงแรงงานได้ปรับปรุงแก้ไขร่างกฎหมายแรงงานสัมพันธ์เสร็จแล้ว และได้ส่งให้ไปสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแล้ว 

ส่วนกรณีที่สหรัฐฯ อาจพิจารณาตัดจีเอสพีสินค้าไทยเพิ่มเติมในรอบการทบทวนรายประเทศ และยังมีกรณีสมาพันธ์ผู้ส่งออกสุกรแห่งสหรัฐฯ ร้องเรียนให้ยูเอสทีอาร์พิจารณาตัดจีเอสพีไทยมาตั้งแต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา เพราะไม่เปิดตลาดให้กับเนื้อหมูจากสหรัฐฯ ที่มีสารเร่งเนื้อแดงแรคโตพามีนนั้น ในเรื่องจีเอสพี ยูเอสทีอาร์อยู่ระหว่างการพิจารณา แต่เรื่องการนำเข้าหมูเนื้อแดง ทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือกันภายใต้กรอบความตกลงด้านการค้าและการลงทุนไทย-สหรัฐฯ (ทิฟ่า) มาอย่างต่อเนื่อง และอยู่ระหว่างการหาผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าการบริโภคหมูที่มีสารแรคโตพามีนตกค้างในระดับที่โครงการมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ (โคเดกซ์) อนุญาต จะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคหรือไม่ อย่างไร คาดว่า น่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad