กรมส่งเสริมการเกษตร สั่งจัดชุดปฏิบัติการประจำพื้นที่ ปรับแผนเร่งการจัดงานรณรงค์ลดการเผา ภายในกุมภาพันธ์ 2563 เพื่อสร้างการรับรู้แก่เกษตรกรและเฝ้าระวังการเผาให้ทันสถานการณ์
ตามที่เกิดสถานการณ์หมอกควันเนื่องจากการเผาเศษวัสดุทางการเกษตร ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สิ่งแวดล้อม การคมนาคม และการท่องเที่ยว กรมส่งเสริมการเกษตร ได้ดำเนินการสร้างการรับรู้และส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ประโยชน์จากเศษวัสดุทางการเกษตรทดแทนการเผา เช่น ไถกลบ ผลิตฟางอัดก้อน ทำปุ๋ยหมัก เป็นต้น รวมถึงป้องกันและเฝ้าระวังการเผาในพื้นที่การเกษตร อย่างต่อเนื่องทุกปี
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า จากสถานการณ์หมอกควันและปัญหาด้านมลพิษทางอากาศในปี 2563 นี้ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนเป็นจำนวนมาก กรมส่งเสริมการเกษตร จึงปรับแผนการจัดงานรณรงค์ลดการเผา โดยเร่งสร้างการรับรู้ให้รวดเร็วขึ้นภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 นี้ เพื่อให้เท่าทันต่อสถานการณ์ โดยสั่งการลงไปยังพื้นที่แล้ว ให้เกษตรจังหวัดบูรณาการแผนงานโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาเศษซากพืชหรือวัชพืช และเศษวัสดุทางการเกษตร ในพื้นที่การเกษตรในความดูแลของหน่วยงาน ทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งเกษตรกรุงเทพมหานครด้วย โดยประสานการปฏิบัติงานร่วมกับกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และให้เกษตรอำเภอร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในพื้นที่ จัดชุดปฏิบัติการประจำพื้นที่ ออกตรวจ ป้องปราม ระงับ ยับยั้ง และแจ้งเหตุการณ์เผาในพื้นที่การเกษตร โดยมีเครือข่ายเกษตรกรของศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าการเกษตร (ศพก.) ตำบล เป็นหน่วยงานเฝ้าระวังป้องกันและปลุกจิตสำนึก
ในการไม่เผาเศษวัสดุการเกษตร ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตร จะอำนวยการ กำกับ ติดตาม ผลการดำเนินงานในระดับจังหวัดอย่างต่อเนื่อง ทุกสัปดาห์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ซึ่งจะประเมินจากจุดความร้อน (Hot spot) และปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน (PM 10) โดยเฉพาะในพื้นที่เกษตร
สำหรับแนวทางการดำเนินงานป้องกันและเฝ้าระวังการเผาเศษวัสดุทางการเกษตร เมื่อจัดตั้งชุดปฏิบัติการประจำพื้นที่แล้ว จะตรวจสอบข้อมูลและพิจารณาจุดความร้อน (Hot spot) จากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หากพบจุดความร้อนในพื้นที่จะดำเนินการติดต่อเครือข่ายเกษตรกร ผู้นำ ประธาน ศพก. เข้าร่วมตรวจสอบพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามมาตรการที่เหมาะสมต่อไป
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนหากพบการเผาเศษวัสดุในพื้นที่การเกษตรให้แจ้งเหตุไปยังสายด่วนฉุกเฉินกรมบรรเทาสาธารณภัย ๑๗๘๔ (ตลอด ๒๔ ชั่วโมง) สำหรับทุกพื้นที่ หรือสายด่วนฉุกเฉินกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ๑๓๖๒ (ตลอด ๒๔ ชั่วโมง) สำหรับพื้นที่ป่า
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า จากสถานการณ์หมอกควันและปัญหาด้านมลพิษทางอากาศในปี 2563 นี้ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนเป็นจำนวนมาก กรมส่งเสริมการเกษตร จึงปรับแผนการจัดงานรณรงค์ลดการเผา โดยเร่งสร้างการรับรู้ให้รวดเร็วขึ้นภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 นี้ เพื่อให้เท่าทันต่อสถานการณ์ โดยสั่งการลงไปยังพื้นที่แล้ว ให้เกษตรจังหวัดบูรณาการแผนงานโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาเศษซากพืชหรือวัชพืช และเศษวัสดุทางการเกษตร ในพื้นที่การเกษตรในความดูแลของหน่วยงาน ทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งเกษตรกรุงเทพมหานครด้วย โดยประสานการปฏิบัติงานร่วมกับกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และให้เกษตรอำเภอร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในพื้นที่ จัดชุดปฏิบัติการประจำพื้นที่ ออกตรวจ ป้องปราม ระงับ ยับยั้ง และแจ้งเหตุการณ์เผาในพื้นที่การเกษตร โดยมีเครือข่ายเกษตรกรของศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าการเกษตร (ศพก.) ตำบล เป็นหน่วยงานเฝ้าระวังป้องกันและปลุกจิตสำนึก
ในการไม่เผาเศษวัสดุการเกษตร ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตร จะอำนวยการ กำกับ ติดตาม ผลการดำเนินงานในระดับจังหวัดอย่างต่อเนื่อง ทุกสัปดาห์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ซึ่งจะประเมินจากจุดความร้อน (Hot spot) และปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน (PM 10) โดยเฉพาะในพื้นที่เกษตร
สำหรับแนวทางการดำเนินงานป้องกันและเฝ้าระวังการเผาเศษวัสดุทางการเกษตร เมื่อจัดตั้งชุดปฏิบัติการประจำพื้นที่แล้ว จะตรวจสอบข้อมูลและพิจารณาจุดความร้อน (Hot spot) จากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หากพบจุดความร้อนในพื้นที่จะดำเนินการติดต่อเครือข่ายเกษตรกร ผู้นำ ประธาน ศพก. เข้าร่วมตรวจสอบพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามมาตรการที่เหมาะสมต่อไป
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนหากพบการเผาเศษวัสดุในพื้นที่การเกษตรให้แจ้งเหตุไปยังสายด่วนฉุกเฉินกรมบรรเทาสาธารณภัย ๑๗๘๔ (ตลอด ๒๔ ชั่วโมง) สำหรับทุกพื้นที่ หรือสายด่วนฉุกเฉินกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ๑๓๖๒ (ตลอด ๒๔ ชั่วโมง) สำหรับพื้นที่ป่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น