องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล สำนักงานประเทศไทย (WWF-Thailand) บริษัทกลุ่มเซ็นทรัล (Central Group) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ลงนามข้อตกลงผนึกกำลังร่วมกันขับเคลื่อนกองทุน "FLR349" ป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง น้อมนำศาสตร์พระราชาเป็นโมเดลแก้ปัญหาวงจรหนี้สินเกษตรกรและปัญหาระบบนิเวศป่าต้นน้ำถูกทำลาย โดยข้อตกลงนี้เป็นการเน้นสร้างความร่วมมือเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งผ่านการสร้างระบบอาหารเพื่อท้องถิ่น Local Food การพัฒนาห่วงโซ่คุณค่าและพัฒนาตลาดรับซื้อ เพื่อเชื่อมต่อกับผู้บริโภคทั้งในท้องถิ่นและในประเทศ ตั้งเป้าฟื้นฟูป่าต้นน้ำ 50,000 ไร่ ภายใน 10 ปี ชุบชีวิตเกษตรกรภาคเหนือและขยายผลสู่ทั่วประเทศ
FLR349 เป็นโมเดลที่นำการขับเคลื่อนรูปแบบการบริโภคและผลิตที่ยั่งยืน (sustainable consumption and production patterns) มาใช้แก้ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติเสื่อมโทรมจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยวรุกป่าใช้เคมีสูง และปัญหาหมอกควันจากการเผาไร่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ฟื้นฟูป่าต้นน้ำ (Forest Landscape Restoration) พัฒนาระบบอาหารเพื่อท้องถิ่น (Local Food) และส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมีองค์กรจากภาคประชาสังคมและภาค เอกชน เป็นผู้ริเริ่มในปี พ.ศ. ๒๕๖๑
"ปัจจุบันได้มีการฟื้นฟูป่าต้นน้ำในพื้นจังหวัดเชียงใหม่ อำเภอแม่แจ่ม และจังหวัดน่าน อำเภอนาน้อย ซึ่งได้ดำเนินการรวมไปแล้ว 400 ไร่ จำนวนประมาณ 83,000 ต้น และส่งเสริมให้เกษตรกรยุติการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และเผาตอซังในพื้นที่ป่าต้นน้ำไปแล้ว 1,500 ไร่ มีเกษตรกรได้รับประโยชน์จากโครงการจำนวน 1,370 ครัวเรือน โดยการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนจะเป็นกุญแจสำคัญ โดยเฉพาะด้านการสนับสนุนผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์จากผู้บริโภคและตลาดรองรับ ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยสำคัญให้เกษตรกรมีความมั่นใจมาทำเกษตรกรรมที่ยั่งยืนมากขึ้น" นายพลาย ภิรมย์ ผู้จัดการโครงการบริโภคและผลิตที่ยั่งยืน องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) กล่าว
"ภายในบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ เป็นการสร้างความร่วมมือเพื่อเตรียมพร้อมรองรับเกษตรกรที่จะมีจำนวนมากขึ้น นอกจากการสนับสนุนความรู้และการจัดการการห่วงโซ่อุปทานแล้ว ยังมีการสนับสนุนด้านสินเชื่อและงบประมาณที่เหมาะสมสำหรับเกษตรกรจาก ธกส. ในการปรับเปลี่ยนสู่ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง และส่วนในด้านการตลาดนั้น จะมีกลุ่มเซ็นทรัลเป็นพี่เลี้ยงด้านตลาดรับซื้อ ร่วมกับบริษัทวิสาหกิจเพื่อสังคมและสหกรณ์ชุมชนต่าง ๆ มีการพัฒนาระบบห้องเย็นเพื่อรักษาคุณภาพ และจุดกระจายสินค้าเพื่อให้เข้าถึงลูกค้าทั่วไปในท้องถิ่น รวมถึงโรงเรียน ร้านอาหารและโรงแรม เป็นต้น" นายรัฐภัทร์ ศรีจันทร์กลัด เลขาธิการ FLR349 กล่าว
"กลุ่มเซ็นทรัลให้ความสำคัญอย่างจริงจังต่อการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของชุมชน พัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม รวมถึงการแก้ปัญหาวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่กำลังเป็นเรื่องเร่งด่วนของทุกคน กองทุน FLR349 เป็นอีกหนึ่งโครงการที่กลุ่มเซ็นทรัลให้การสนับสนุนในหลายด้าน ทั้งการเป็นพี่เลี้ยงด้านการตลาดรับซื้อและพัฒนาแปรรูปผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์จากโครงการ และการช่วยเหลือด้านปัจจัยการผลิต โดยเรามีเป้าหมายร่วมกันคือการฟื้นฟูป่าต้นน้ำให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ สร้างอาชีพที่มั่นคงของเกษตรกร และการขับเคลื่อนระบบอาหารที่ยั่งยืนผ่านการสนับสนุนการทำเกษตรกรรมอินทรีย์" คุณพิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าว
ทั้งนี้ นอกจากการลงนามบันทึกข้อตกลงแล้ว ทางกลุ่มเซ็นทรัลยังได้มอบทุนสนับสนุนสร้างโรงเรือนเพาะปลูกให้แก่สหกรณ์นิคมแม่แจ่ม ตำบลกองแขก หมู่บ้านโหล่ปง จำนวน 3 โรงเรือน เพื่อเป็นต้นแบบการทำเกษตรอินทรีย์และการเพาะกล้าพันธุ์ไม้สำหรับเกษตรกรอำเภอแม่แจ่มที่ร่วมในโครงการ
เกี่ยวกับกองทุน FLR349
กองทุน "FLR349" เป็นกองทุนที่น้อมนำศาสตร์พระราชา การปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง และการสร้างห่วงโซ่คุณค่าซึ่งเป็นโมเดลให้กับเกษตรกรในพื้นที่ป่าต้นน้ำ กองทุน FLR349 จะเป็นเสมือนพี่เลี้ยงให้กับเกษตรกรในการปรับเปลี่ยนการวิธีการทำเกษตรจากการทำพืชเชิงเดี่ยวรุกป่าใช้เคมีสูง สู่การทำเกษตรกรรมแบบบูรณาการ โดยปลายทางจะนำมาซึ่งการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรมจากการแผ้วถางทำลายหน้าดิน ผ่านการปลูกและดูแลไม้ป่าถาวร ปลูกไม้ผล และพืชผัก สมุนไพรนานาชนิดแบบผสมผสาน เกื้อกูลฟื้นฟูสร้างระบบนิเวศ และเป็นพื้นที่ที่เป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอน น้ำ และเอื้อต่อการผลิตอาหารที่หลากหลายและปลอดภัยต่อการผลิตและบริโภค เป็นการสร้างความเข้มแข็งของเกษตรกรและชุมชนในการพึ่งพาตัวเอง ลดภาระค่าใช้จ่ายในการยังชีพและสุขภาวะที่ฟื้นคืนกลับมา ซึ่งจะทำให้สามารถก้าวพ้นจากวงจรหนี้สินและการถูกเอาเปรียบเชิงโครงสร้างของระบบทุนนิยมในห่วงโซ่อาหาร ซึ่งถือได้ว่าเป็นทิศทางที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ Sustainable Development Goals (SDGs)
ดาวน์โหลดข้อมูลได้ที่ http://www.wwf.or.th/en/scp/reforestation_activity/flr_349/
"ปัจจุบันได้มีการฟื้นฟูป่าต้นน้ำในพื้นจังหวัดเชียงใหม่ อำเภอแม่แจ่ม และจังหวัดน่าน อำเภอนาน้อย ซึ่งได้ดำเนินการรวมไปแล้ว 400 ไร่ จำนวนประมาณ 83,000 ต้น และส่งเสริมให้เกษตรกรยุติการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และเผาตอซังในพื้นที่ป่าต้นน้ำไปแล้ว 1,500 ไร่ มีเกษตรกรได้รับประโยชน์จากโครงการจำนวน 1,370 ครัวเรือน โดยการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนจะเป็นกุญแจสำคัญ โดยเฉพาะด้านการสนับสนุนผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์จากผู้บริโภคและตลาดรองรับ ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยสำคัญให้เกษตรกรมีความมั่นใจมาทำเกษตรกรรมที่ยั่งยืนมากขึ้น" นายพลาย ภิรมย์ ผู้จัดการโครงการบริโภคและผลิตที่ยั่งยืน องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) กล่าว
"ภายในบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ เป็นการสร้างความร่วมมือเพื่อเตรียมพร้อมรองรับเกษตรกรที่จะมีจำนวนมากขึ้น นอกจากการสนับสนุนความรู้และการจัดการการห่วงโซ่อุปทานแล้ว ยังมีการสนับสนุนด้านสินเชื่อและงบประมาณที่เหมาะสมสำหรับเกษตรกรจาก ธกส. ในการปรับเปลี่ยนสู่ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง และส่วนในด้านการตลาดนั้น จะมีกลุ่มเซ็นทรัลเป็นพี่เลี้ยงด้านตลาดรับซื้อ ร่วมกับบริษัทวิสาหกิจเพื่อสังคมและสหกรณ์ชุมชนต่าง ๆ มีการพัฒนาระบบห้องเย็นเพื่อรักษาคุณภาพ และจุดกระจายสินค้าเพื่อให้เข้าถึงลูกค้าทั่วไปในท้องถิ่น รวมถึงโรงเรียน ร้านอาหารและโรงแรม เป็นต้น" นายรัฐภัทร์ ศรีจันทร์กลัด เลขาธิการ FLR349 กล่าว
"กลุ่มเซ็นทรัลให้ความสำคัญอย่างจริงจังต่อการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของชุมชน พัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม รวมถึงการแก้ปัญหาวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่กำลังเป็นเรื่องเร่งด่วนของทุกคน กองทุน FLR349 เป็นอีกหนึ่งโครงการที่กลุ่มเซ็นทรัลให้การสนับสนุนในหลายด้าน ทั้งการเป็นพี่เลี้ยงด้านการตลาดรับซื้อและพัฒนาแปรรูปผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์จากโครงการ และการช่วยเหลือด้านปัจจัยการผลิต โดยเรามีเป้าหมายร่วมกันคือการฟื้นฟูป่าต้นน้ำให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ สร้างอาชีพที่มั่นคงของเกษตรกร และการขับเคลื่อนระบบอาหารที่ยั่งยืนผ่านการสนับสนุนการทำเกษตรกรรมอินทรีย์" คุณพิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าว
ทั้งนี้ นอกจากการลงนามบันทึกข้อตกลงแล้ว ทางกลุ่มเซ็นทรัลยังได้มอบทุนสนับสนุนสร้างโรงเรือนเพาะปลูกให้แก่สหกรณ์นิคมแม่แจ่ม ตำบลกองแขก หมู่บ้านโหล่ปง จำนวน 3 โรงเรือน เพื่อเป็นต้นแบบการทำเกษตรอินทรีย์และการเพาะกล้าพันธุ์ไม้สำหรับเกษตรกรอำเภอแม่แจ่มที่ร่วมในโครงการ
เกี่ยวกับกองทุน FLR349
กองทุน "FLR349" เป็นกองทุนที่น้อมนำศาสตร์พระราชา การปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง และการสร้างห่วงโซ่คุณค่าซึ่งเป็นโมเดลให้กับเกษตรกรในพื้นที่ป่าต้นน้ำ กองทุน FLR349 จะเป็นเสมือนพี่เลี้ยงให้กับเกษตรกรในการปรับเปลี่ยนการวิธีการทำเกษตรจากการทำพืชเชิงเดี่ยวรุกป่าใช้เคมีสูง สู่การทำเกษตรกรรมแบบบูรณาการ โดยปลายทางจะนำมาซึ่งการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรมจากการแผ้วถางทำลายหน้าดิน ผ่านการปลูกและดูแลไม้ป่าถาวร ปลูกไม้ผล และพืชผัก สมุนไพรนานาชนิดแบบผสมผสาน เกื้อกูลฟื้นฟูสร้างระบบนิเวศ และเป็นพื้นที่ที่เป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอน น้ำ และเอื้อต่อการผลิตอาหารที่หลากหลายและปลอดภัยต่อการผลิตและบริโภค เป็นการสร้างความเข้มแข็งของเกษตรกรและชุมชนในการพึ่งพาตัวเอง ลดภาระค่าใช้จ่ายในการยังชีพและสุขภาวะที่ฟื้นคืนกลับมา ซึ่งจะทำให้สามารถก้าวพ้นจากวงจรหนี้สินและการถูกเอาเปรียบเชิงโครงสร้างของระบบทุนนิยมในห่วงโซ่อาหาร ซึ่งถือได้ว่าเป็นทิศทางที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ Sustainable Development Goals (SDGs)
ดาวน์โหลดข้อมูลได้ที่ http://www.wwf.or.th/en/scp/reforestation_activity/flr_349/
เกี่ยวกับองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล
องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล หรือ WWF เป็นหนึ่งในองค์กรขนาดใหญ่ที่สุดระดับโลกที่มุ่งมั่นทำงาน และอุทิศเพื่องานด้าน การอนุรักษ์ ปัจจุบัน WWF มีผู้สนับสนุนมากกว่า 5 ล้านคนจากทั่วโลกและเครือข่ายขององค์กรทำงานร่วมกันในกว่า 100 ประเทศ พันธกิจของ WWF คือการหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงของสภาวะธรรมชาติของโลกในเชิงลบ และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนของโลก ที่มีมนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติได้อย่างมีความสมดุลด้วยการอนุรักษ์สภาพชีววิทยาที่หลากหลาย และมุ่งทำงานเพื่อรักษา ทรัพยากรด้านพลังงานให้ถูกนำกลับมาใช้งานอย่างสมดุลและยั่งยืน รวมทั้งสนับสนุนการทำงานเพื่อหยุดยั้งมลพิษและการบริโภค ที่เกินพอดี สามารถศึกษาข้อมูลการทำงานของเราเพิ่มเติมได้ที่ http://www.wwf.or.th/
องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล หรือ WWF เป็นหนึ่งในองค์กรขนาดใหญ่ที่สุดระดับโลกที่มุ่งมั่นทำงาน และอุทิศเพื่องานด้าน การอนุรักษ์ ปัจจุบัน WWF มีผู้สนับสนุนมากกว่า 5 ล้านคนจากทั่วโลกและเครือข่ายขององค์กรทำงานร่วมกันในกว่า 100 ประเทศ พันธกิจของ WWF คือการหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงของสภาวะธรรมชาติของโลกในเชิงลบ และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนของโลก ที่มีมนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติได้อย่างมีความสมดุลด้วยการอนุรักษ์สภาพชีววิทยาที่หลากหลาย และมุ่งทำงานเพื่อรักษา ทรัพยากรด้านพลังงานให้ถูกนำกลับมาใช้งานอย่างสมดุลและยั่งยืน รวมทั้งสนับสนุนการทำงานเพื่อหยุดยั้งมลพิษและการบริโภค ที่เกินพอดี สามารถศึกษาข้อมูลการทำงานของเราเพิ่มเติมได้ที่ http://www.wwf.or.th/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น