“จุรินทร์”ถกภาครัฐ-เอกชน เคาะขับเคลื่อน 11 ประเด็น ดันค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

“จุรินทร์”ถกภาครัฐ-เอกชน เคาะขับเคลื่อน 11 ประเด็น ดันค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย

img

“จุรินทร์”เป็นประธานประชุมร่วมภาครัฐและเอกชน เดินหน้าขับเคลื่อน 11 ประเด็น ผลักดันการค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย เตรียมลุยกำหนดจุดเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่ เร่งลงนาม MOU กับมาเลเซียด้านขนส่งสินค้า ผู้โดยสาร ประเมินเปิดด่านสะเดา-บูกิตกายูฮิตัม 24 ชั่วโมง เร่งสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก รถไฟทางคู่หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ลดขั้นตอนผ่าน ตม. บูมเมืองยาพารา พัฒนาท่าเทียบเรือฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ดันสินค้า 5 จังหวัดใต้ขายทั้งในและต่างประเทศ พร้อมเร่งแก้ปัญหาส่งออกนมและแป้งข้าวเจ้าไปมาเลเซีย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อส่งเสริมการค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย ณ โรงแรมอิมพิเรียล จังหวัดนราธิวาส ว่า ได้พิจารณาปัญหาและข้อเสนอแนะทั้งจากภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และได้มีข้อสรุปในแต่ละประเด็นรวมทั้งสิ้น 11 ประเด็น ซึ่งจะเร่งดำเนินการทันทีและต่อเนื่อง เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาให้กับผู้ประกอบการไทย และเพิ่มยอดการค้าชายแดนระหว่างไทย-มาเลเซียให้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น

สำหรับผลการหารือทั้ง 11 ประเด็น ได้แก่ 1.จุดเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่ ได้ข้อยุติแล้ว และขั้นต่อไป คือ กำลังสำรวจและออกแบบถนนร่วมกันโดยกรมทางหลวง คาดว่าจะแล้วเสร็จต้นเดือนมี.ค.2563 ความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร (กม.) งบประมาณประมาณ 140 ล้านบาท และคณะกรรมการร่วมทางเทคนิคจะประชุมเพื่อเห็นชอบจุดเชื่อมดังกล่าวภายในเดือนเม.ย.2563 ถ้าได้รับจัดสรรงบประมาณ จะก่อสร้างเสร็จภายใน 1 ปี แต่สามารถเปิดด่านสะเดาแห่งใหม่ได้ภายในต.ค.2563 โดยเชิญรถขนส่งสินค้าเข้ามาใช้บริการก่อน

2.การเร่งรัดการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนไทย-มาเลเซีย และร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขนส่งผู้โดยสารทางถนนข้ามพรมแดนไทย-มาเลเซีย จะสามารถลงนาม MOU ได้ในอีกประมาณ 4 เดือน โดยไทยได้ส่งร่าง MOU ให้มาเลเซียพิจารณาแล้ว และมาเลเซียจะตอบกลับมาภายในเดือนมี.ค.2563 และจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ จากนั้นจะสามารถลงนามได้ทันที ทำให้ไทยสามารถข้ามพรมแดนส่งไปถึงสิงคโปร์ได้

3.การเปิดด่านศุลกากรสะเดา-บูกิตกายูฮิตัม 24 ชั่วโมง จากนี้ไทยและมาเลเซียจะร่วมกันประเมินผลความคุ้มค่าของการขยายเวลาเปิดด่านภายในเดือนเม.ย.2563 เพื่อเสนอ ครม. พิจารณาขยายเวลาต่อไปหรือไม่ ซึ่งประโยชน์ ที่เห็นชัด คือ ความรวดเร็วของการขนส่ง
        
4.การเร่งรัดก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก ณ อำเภอสุไหงโก-ลก แห่งที่ 2 (สุไหงโก-ลก-รันเตาปันยัง) ได้มอบศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นเจ้าภาพในการติดตามความคืบหน้า

5.การเร่งรัดก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก ณ อำเภอตากใบ (ตากใบ-เปิงกาลันกุโบร์) จะมีการเร่งรัดสร้างแพขนานยนต์อันใหม่ให้เสร็จสิ้นและให้บริการได้ภายในสิ้นปีนี้ มีการตั้งงบประมาณไว้แล้ว 39 ล้านบาทโดย อบจ.นราธิวาส และมอบ ศอ.บต. เร่งรัดติดตามความคืบหน้าต่อไป ส่วนด่านบูเก๊ะตา ที่มีปัญหาในความไม่พร้อมของสถานที่ทำงานของหน่วยงาน 7 หน่วยงาน ที่ประชุมมอบ ศอ.บต. เป็นเจ้าภาพเชิญหน่วยงาน 9 หน่วยหารือ เพื่อทำให้ด่านบูเก๊ะตาใช้คอนเทนเนอร์ทำงานชั่วคราว เพื่อเร่งอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการโดยเร็วที่สุด และหาข้อสรุปภายในสองสัปดาห์ และจากนั้น ตนจะเดินทางลงมาติดตามความคืบหน้าในปลายเดือนมี.ค.2563
        
6.โครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางหาดใหญ่–ปาดังเบซาร์ ที่ประชุมเห็นชอบนโยบายให้สร้างรถไฟทางคู่ทั้งจากกรุงเทพฯ ลงไป และสร้างจากสุไหงโก-ลกขึ้นมาพร้อมกันทีเดียว โดย ศอ.บต. จะติดตามเรื่องนี้ และจะตั้งงบและเริ่มต้นศึกษาการสร้างรถไฟรางคู่เส้นทางหาดใหญ่–ปาดังเบซาร์ ในปี 2564

7.การลดขั้นตอนการตรวจสอบเอกสารทางพิธีการศุลกากร ณ ด่านชายแดน โดยที่ประชุมมอบ ศอ.บต. เร่งรัดการจัดการลดอุปสรรคสำหรับยานพาหนะส่วนบุคคล ที่ต้องกรอกทั้งใบสำแดงสินค้าของกรมศุลกากรและใบ ตม. 2 และ 3 (Border pass) ขอให้ลดขั้นตอนให้เหลือขั้นตอนเดียว ซึ่งจากการหารือเบื้องต้น พบว่า สามารถทำได้

8.การดำเนินโครงการเมืองยางพารา (Rubber City) มีความคืบหน้าว่ามิชลิน ซึ่งเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ ได้ซื้อน้ำยางสด 1 แสนตันในปี 2563 ที่ผ่านมา และหลังจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ตกลงไปช่วยสนับสนุนการสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียให้มิชลิน สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ และ กนอ. ยังจะลดค่าเช่าให้ SMEs เหลือตารางเมตรละ 20 บาท จาก 150 บาท เพื่อจูงใจให้มีการลงทุนเพิ่มขึ้น

9.โครงการพัฒนาท่าเทียบเรือโดยสารขนาดใหญ่ (Cruise) ที่ฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน ในเรื่องนี้ กรมเจ้าท่าทำการศึกษาเสร็จสิ้นแล้ว อยู่ระหว่างสรุปรูปแบบการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) ของทั้ง 2 แห่ง คือ สมุย และภูเก็ต เพื่อเสนอ ครม. ในเดือนส.ค.2564 และระหว่างต.ค.2564 และ ก.ย.2565 จะคัดเลือกผู้ร่วมทุน และทำรายงาน EIA กำหนดการก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2569 เปิดบริการปี 2570

10.การส่งเสริมการตลาดสินค้าศักยภาพ 247 รายการ ของ 5 จังหวัดชายแดนใต้ ทั้งในประเทศและส่งออก ได้มอบกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หาทางช่วยเหลือส่งเสริมผู้ประกอบการขายออนไลน์และอื่นๆ รวมทั้งการเจรจากับบริษัทไปรษณีย์ไทยในการให้สร้างโปรโมชั่นพิเศษกับภาคเอกชนในการขนส่ง และจะขอข้อสรุปเรื่องนี้ตอนลงมาดูด่านบูเก๊ะตาในเดือนมี.ค.2563

11.กรณีไม่สามารถส่งออกนมและแป้งข้าวเจ้าไปมาเลเซียได้นั้น ได้มอบหมายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ให้นำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย-มาเลเซีย ครั้งต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad