กรมพัฒน์ฯ เตือนภัยประชาชน ห้ามขาย สมยอม เอาชื่อไปจดตั้งบริษัท ลั่นมีความผิด - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

กรมพัฒน์ฯ เตือนภัยประชาชน ห้ามขาย สมยอม เอาชื่อไปจดตั้งบริษัท ลั่นมีความผิด

img

กรมพัฒนาธุรกิจการค้าออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการใช้บัตรประชาชน หรือลงลายมือชื่อในเอกสารจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่ หลังพบมีการแอบอ้างนำไปจดตั้งธุรกิจ จนทำให้ได้รับความเดือดร้อน แถมส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่ส่อเค้ามีปัญหา ทำธุรกิจไม่โปร่งใส เผยพบทั้งกลุ่มที่แอบอ้างชื่อคนอื่นไปเปิดบริษัทหรือตั้งเป็นกรรมการ และกลุ่มที่ยินยอมให้เอาชื่อไปใช้เพื่อแลกกับผลประโยชน์ ลั่นหากพบใครทำมีความผิดตามกฎหมาย มีโทษทั้งจำทั้งปรับ

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ออกประกาศ เรื่อง แจ้งเตือนประชาชนให้ใช้ความระมัดระวังในการลงลายมือชื่อในแบบพิมพ์เพื่อใช้ในการยื่นคำขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัท พ.ศ.2563 เพราะการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจโดยไม่มีเจตนาหรือจุดประสงค์ที่จะดำเนินธุรกิจตามที่แจ้งไว้ ถือเป็นการแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จต่อนายทะเบียนและจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ โดยการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งกรมฯ จะดำเนินคดีตามกฎหมายกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าวให้ถึงที่สุด

โดยการออกประกาศดังกล่าว เนื่องจากกรมฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนในประเด็นการถูกแอบอ้างชื่อ เพื่อนำไปใช้จดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจและการถูกโยงเข้ามาเป็นกรรมการบริษัท ทั้งที่เจ้าของชื่อไม่ทราบมาก่อน โดยพบข้อเท็จจริงแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มบุคคลที่ต้องการจะจัดตั้งธุรกิจแต่นำชื่อของบุคคลอื่นมาแอบอ้าง เพื่อใช้ประกอบการยื่นจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเพื่อให้มีจำนวนผู้เริ่มก่อการครบทั้ง 3 คน ตามที่กฎหมายกำหนด และ 2.กลุ่มรับจ้างขายชื่อ โดยยินยอมให้นำชื่อของตนเองไปใช้จดทะเบียนธุรกิจ ซึ่งอาจได้รับค่าตอบแทนหรืออาจจะไม่ได้รับก็ได้

นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า มีกลุ่มคนที่ถูกแอบอ้างหรือปลอมลายมือชื่อ โดยที่ไม่ได้ยินยอมให้นำชื่อของตนไปใช้ในการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ กระทั่งมีการฟ้องร้องทางธุรกิจจนทำให้ทราบว่าตนได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับความเสียหายนั้น

“ขอแจ้งเตือนไปยังประชาชนให้ระวังการถูกนำบัตรประจำตัวประชาชนและข้อมูลในบัตรไปสวมรอยจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลโดยไม่รู้ตัว เพราะการเริ่มต้นของธุรกิจ หากไม่ได้เกิดขึ้นมาจากความโปร่งใส ก็ย่อมมีแนวโน้มที่นิติบุคคลรายนั้น จะประกอบธุรกิจที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ประกอบกับมีเจตนาที่จะจัดตั้งธุรกิจขึ้นมาเพื่อหลอกลวงผู้อื่น ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ”

สำหรับแนวทางการป้องกัน หากจำเป็นต้องมอบอำนาจให้ผู้อื่นกระทำการใดแทน จะต้องระบุข้อความสำหรับธุรกรรมดังกล่าวลงบนสำเนาบัตรประชาชนด้วยทุกครั้ง อีกทั้งต้องระมัดระวังและตรวจสอบข้อความก่อนลงลายมือชื่อในเอกสารหรือแบบพิมพ์ต่างๆ เพื่อป้องกันการถูกหลอกนำชื่อไปใช้จดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจหรือดำเนินการแก้ไขใดๆ ในบริษัท โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงอำนาจของกรรมการ ส่วนกรมฯ ได้มีการกำชับให้นายทะเบียนที่มีหน้าที่พิจารณาการจดทะเบียนนิติบุคคลให้ตรวจสอบเอกสารการยื่นขอจดทะเบียนด้วยความรอบคอบ และเป็นไปตามที่ระเบียบกำหนดแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad