กรมทรัพย์สินทางปัญญาตั้งเป้าผลักดันขึ้นทะเบียน GI ที่จีน-มาเลเซียในปีนี้รวม 5 สินค้า - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

กรมทรัพย์สินทางปัญญาตั้งเป้าผลักดันขึ้นทะเบียน GI ที่จีน-มาเลเซียในปีนี้รวม 5 สินค้า

img

กรมทรัพย์สินทางปัญญาตั้งเป้าขึ้นทะเบียน GI ในจีนและมาเลเซียปีนี้รวม 5 สินค้า หลังสินค้าได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว และเป็นการป้องกันการละเมิดที่อาจเกิดขึ้น พร้อมปูพรมลงพื้นที่ช่วงเม.ย.-พ.ค.นี้ ทำระบบควบคุมคุณภาพสินค้า เป้าหมาย 12 รายการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ เผยยังจะช่วยพัฒนาแพกเกจจิ้งให้โดนใจลูกค้า เป้า 10 รายการ 

นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า ในปี 2563 กรมฯ มีแผนที่จะผลักดันให้มีการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) สินค้าที่มีศักยภาพในตลาดต่างประเทศ เพื่อขอรับความคุ้มครองจำนวน 5 รายการ ใน 2 ประเทศ คือ ที่จีน 2 สินค้า ได้แก่ มะพร้าวน้ำหอมราชบุรี และทุเรียนปราจีนบุรี และที่มาเลเซีย 3 สินค้า ได้แก่ ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ และข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง เพราะสินค้าเหล่านี้ เริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น จากจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งจีนและมาเลเซียที่เดินทางเข้ามาในไทย และได้ทดลองบริโภคสินค้า จึงต้องรีบไปขึ้นทะเบียน GI เอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าไทยได้รับผลกระทบ จากการที่จะเข้าไปทำตลาดในอนาคต รวมถึงป้องกันการละเมิดที่อาจจะเกิดขึ้น

ทั้งนี้ ในปัจจุบันไทยมีการขึ้นทะเบียนสินค้า GI ในต่างประเทศได้แล้ว 7 สินค้า ได้แก่ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ กาแฟดอยตุง กาแฟดอยช้าง ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง ที่สหภาพยุโรป (อียู) ผ้าไหมยกดอกลำพูน ที่อินเดีย และอินโดนีเซีย เส้นไหมไทยพื้นบ้านอีสาน ที่เวียดนาม และยังมีสินค้า GI ที่รอการพิจารณาขึ้นทะเบียนในต่างประเทศอีก 9 สินค้า ได้แก่ ญี่ปุ่น 3 สินค้า คือ กาแฟดอยตุง กาแฟดอยช้าง สับปะรดห้วยมุ่น จีน 3 สินค้า คือ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ มะขามหวานเพชรบูรณ์ และส้มโอทับทิมสยามปากพนัง เวียดนาม 2 สินค้า คือ มะขามหวานเพชรบูรณ์ และลำไยอบแห้งเนื้อสีทอง และกัมพูชา 1 สินค้า คือ กาแฟดอยตุง 

นายทศพลกล่าวว่า กรมฯ ยังจะเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศในการบริโภคสินค้า GI โดยจะลงพื้นที่เข้าไปช่วยผู้ประกอบการจัดทำระบบควบคุมตรวจสอบคุณภาพสินค้า GI ช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.2563 แยกเป็นระบบควบคุมภายในจำนวน 8 สินค้าจาก 8 จังหวัด ได้แก่ กาแฟเทพเสด็จ จังหวัดเชียงใหม่ , ลิ้นจี่แม่ใจพะเยา , เสื่อจันทบูร จังหวัดจันทบุรี , สับปะรดทองระยอง , ละมุดบ้านใหม่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา , มะม่วงน้ำดอกไม้สีทองบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา , ผ้าไหมเก็บบ้านเมืองหลวง จังหวัดศรีสะเกษ และทุเรียนวงในระนอง และระบบควบคุมภายนอก 4 สินค้า จาก 7 จังหวัด ได้แก่ มะขามหวานเพชรบูรณ์ , มะม่วงน้ำดอกไม้สระแก้ว , ข้าวหอมมะลิสุรินทร์ , ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ จังหวัดร้อยเอ็ด ยโสธร สุรินทร์ มหาสารคาม และศรีสะเกษ

นอกจากนี้ ได้ตั้งเป้าที่จะเข้าไปช่วยพัฒนาและยกระดับสินค้า GI ด้วยการพัฒนาบรรุจุภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของตลาด มีเป้าหมายจำนวน 10 สินค้า ได้แก่ กล้วยตากพิษณุโลก , ผ้าไหมยกดอกลำพูน , สังคโลกสุโขทัย , ทุเรียนหลินลับแลและทุเรียนหลงลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ , แห้วสุพรรณ จังหวัดสุพรรณบุรี , มะพร้าวน้ำหอมบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร , ข้าวฮางหอมทองสกลทวาปี และเนื้อโคขุนโพนยางคำ จังหวัดสกลนคร , ข้าวหอมมะลิอุบลราชธานี และปลากุเลาเค็มตากใบ จังหวัดนราธิวาส

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad