ฟิทช์ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตสากลระยะยาวของ EXIM และ KTB เป็น ‘แนวโน้มมีเสถียรภาพ’ และคงอันดับเครดิตสากล - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2563

ฟิทช์ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตสากลระยะยาวของ EXIM และ KTB เป็น ‘แนวโน้มมีเสถียรภาพ’ และคงอันดับเครดิตสากล

ฟิทช์ เรทติ้งส์

ประกาศปรับแนวโน้มอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term
Foreign-Currency Issuer Default Rating- IDR) ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
(EXIM)
และ
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB) เป็น แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) จาก
แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นบวก (Positive Outlook) พร้อมกันนี้ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว  อันดับเครดิตสนับสนุน (Support Rating) และ
อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ (Support Rating Floor)  ของ EXIM และ KTB และคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นของ KTB
การปรับแนวโน้มอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวในครั้งนี้เป็นผลมาจากการที่ฟิทช์ได้ประกาศปรับแนวโน้มอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทยเป็น
“แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ” จากเดิม “แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นบวก” เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2563
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากประกาศอันดับเครดิตล่าสุดหัวข้อ “Fitch Revises
Outlook on Thailand to Stable; Affirms at 'BBB+’ ” ลงวันที่ 17 มีนาคม 2563
อันดับเครดิตอื่นของ EXIM และ KTB ไม่ได้รับผลกระทบจากการประกาศอันดับเครดิตในครั้งนี้
สำหรับรายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดแสดงไว้ในส่วนท้าย
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับเครดิตสนับสนุนและอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำของ
EXIM
และ KTB พิจารณาจากการคาดการณ์ของฟิทช์ว่ารัฐบาลไทย
(BBB+/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ)
จะให้การสนับสนุนแก่ธนาคาร
ดังนั้นอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคารทั้ง 2 แห่ง
จึงมีปัจจัยในการพิจารณาอันดับเครดิตมาจากอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำของแต่ละธนาคาร
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ
EXIM
อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตของประเทศไทย
ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทที่สำคัญเชิงนโยบายของธนาคาร ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างธนาคารกับรัฐบาล
และสถานะทางกฎหมายของธนาคารในฐานะที่เป็นธนาคารรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามกฏหมายเฉพาะ
อีกทั้ง EXIM
ยังมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดและมีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งเพื่อให้การสนับสนุนภาคส่งออกและนำเข้า
รวมถึงธุรกรรมด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ 
สถานะทางการเงินของ EXIM อยู่ในระดับที่ดีจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขอรับความช่วยเหลือทางการเงินเป็นกรณีพิเศษจากรัฐบาล
(Extraordinary
support) อย่างไรก็ตามธนาคารยังคงได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาล
เช่น การรับเงินชดเชยรายได้จากการดำเนินงานในโครงการตามนโยบายของภาครัฐ
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้จากประกาศอันดับเครดิตล่าสุดหัวข้อ “Fitch Affirms
Thailand’s EXIM at 'BBB+’; Outlook Positive” ลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2562
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ KTB มีปัจจัยพิจารณาหลักมาจากอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำของธนาคาร โดยฟิทช์เชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลจะให้การความช่วยเหลือทางการเงินเป็นกรณีพิเศษ (extraordinary support) แก่ KTB ในกรณีที่มีความจำเป็น KTB เป็น 1 ใน 5 ธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยระบุให้เป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ (Domestically Systematic Important Bank หรือ DSIB) นอกจากนี้ฟิทช์ยังเชื่อว่า KTB มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อรัฐบาลไทย เนื่องจาก KTB เป็นธนาคารพาณิชย์แห่งเดียวที่รัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ (55%) อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นของ KTB สอดคล้องกับแนวทางการจัดอันดับธนาคารที่มีอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากประกาศอันดับเครดิตล่าสุดหัวข้อ “Fitch Affirms Krung Thai Bank; Outlook Stable” ลงวันที่ 12 เมษายน 2562 และ “Fitch Upgrades Thai EXIM’s ST Rating to 'F1’; Revises Outlooks on EXIM, IBANK, and KTB to Positive” ลงวันที่ 25 กรกฏาคม 2562
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ฟิทช์เชื่อว่าอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวและอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำของ
EXIM
และ KTB จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทย
โดยผลกระทบต่ออันดับเครดิตของ EXIM และ KTB จะเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับการเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตของประเทศไทยในกรณีที่ฟิทช์ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมุมมองของโอกาสที่ธนาคารแต่ละแห่งจะได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนจากรัฐบาล 
การพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม
สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
หากไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนนี้
แสดงว่าธนาคารมีระดับคะแนนความสัมพันธ์ของ ESG ต่ออันดับเครดิต ไม่เกินระดับ
3
ซึ่งหมายความว่าปัจจัยด้าน ESG จะไม่ส่งผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบในระดับที่น้อยมากต่ออันดับเครดิตของธนาคาร
ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยจากลักษณะของธุรกิจหรือจากการบริหารจัดการของธนาคารก็ตาม
KTB และ EXIM มีระดับคะแนนความสัมพันธ์ของโครงสร้างธรรมาภิบาล
(Governance
Structure) ที่ระดับ
4
เนื่องจากมีโอกาสที่ภาครัฐจะมีอิทธิพลต่อการกำกับดูแลกิจการและความเสี่ยง (risk governance) จากการถือหุ้นโดยรัฐบาลในธนาคารรวมถึงจะสามารถมีอิทธิพลต่อคณะกรรมการและผู้บริหารซึ่งเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบทางลบต่อโครงสร้างเครดิตและสัมพันธ์ต่ออันดับเครดิตเช่นเดียวกับปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิตอื่น
รายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมด
มีดังนี้
EXIM:
  • อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวคงอันดับที่ 'BBB+’ ; ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ จากเดิม แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นบวก
  • อันดับเครดิตสนับสนุนคงอันดับที่ '2’
  • อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำคงอันดับที่ 'BBB+’
KTB
  • อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว คงอันดับที่ 'BBB’; ปรับ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ จากเดิม แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นบวก
  • อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ 'F2’
  • อันดับเครดิตสนับสนุนคงอันดับที่ '2’
  • อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำคงอันดับที่ 'BBB’

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad