บลจ.ทิสโก้เอาใจสายออม เปิด SSF ลงทุนเชิงรุกในหุ้นพื้นฐานดี มีแนวโน้มเติบโตเด่น - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2563

บลจ.ทิสโก้เอาใจสายออม เปิด SSF ลงทุนเชิงรุกในหุ้นพื้นฐานดี มีแนวโน้มเติบโตเด่น


บลจ.ทิสโก้เอาใจสายออม เปิดกองทุน SSF  “ทิสโก้ หุ้นทุน เพื่อการออม” กองทุนเชิงรุก เน้นลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี มีแนวโน้มเติบโตทางธุรกิจ เปิด IPO ตั้งแต่วันที่ 1 - 15 เม.ย. 63 พร้อมเพิ่มชนิดเพื่อการออมพิเศษ ลงทุนได้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 63  

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co., Ltd.) เปิดเผยว่า บลจ.ทิสโก้ไม่หยุดนิ่งที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนที่หลากหลาย ล่าสุดได้นำเสนอกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นทุน เพื่อการออม (TEGSSF) ความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) เน้นลงทุนในหุ้นไทยพื้นฐานดี มีแนวโน้มเติบโตสูง มีความมั่นคง และใช้นโยบายการลงทุนเชิงรุก โดยผู้ลงทุนสามารถนำมูลค่าซื้อหน่วยลงทุนไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมินและไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ประกันบำนาญและกองทุนเกษียณอื่นๆ สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท เปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) 1 – 15 เมษายน 2563 มูลค่าขั้นต่ำในการจองซื้อ 1,000 บาท  
นอกจากนี้ เพื่อให้ผู้ลงทุนไม่พลาดโอกาสที่ดี จากการที่ภาครัฐฯ เพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยอนุมัติให้นำมูลค่าซื้อหน่วยลงทุน SSF ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึง 30 มิถุนายน 2563 ไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพิ่มเติมอีก 200,000 บาท โดยเป็นวงเงินที่แยกจากวงเงินหักลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุนใน SSF กรณีปกติ และไม่อยู่ภายใต้เพดานวงเงินหักลดหย่อนภาษีที่รวมในกองทุนเพื่อการเกษียณอื่นๆ วงเงินสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท บลจ.ทิสโก้ จึงได้เพิ่มหน่วยลงทุน “ชนิดเพื่อการออมพิเศษ” ในกองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นทุน เพื่อการออม เปิดให้ลงทุนได้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. - 30 มิ.ย. 63  ทั้งนี้ ผู้ลงทุนต้องถือหน่วยลงทุน SSF ไม่น้อยกว่า 10 ปีนับจากวันที่ซื้อ หากผิดเงื่อนไขการลงทุน ผู้ลงทุนจะหมดสิทธิ์ได้รับยกเว้นสิทธิประโยชน์ทางภาษี และต้องเสียภาษีเงินได้สำหรับเงินได้ที่รับยกเว้นมาแล้วพร้อมเบี้ยปรับเงินเพิ่ม ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุนรวมดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน  
“ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงกว่า 30% เรียกได้ว่าลดลงจนเกินปัจจัยพื้นฐาน เมื่อดูอัตราราคาต่อหุ้น (P/E) ก็ปรับลงมาต่ำกว่า 12 เท่าถือว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีไปค่อนข้างมาก และยังทำให้อัตราการจ่ายปันผลย้อนหลังของหุ้นไทยเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นที่ประมาณ 4.5% ต่อปี แม้ว่าในปีนี้คาดการณ์ว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนไทยจะหดตัว แต่ราคาหุ้นไทยในปัจจุบันก็ได้สะท้อนการคาดการณ์ดังกล่าวไปมากแล้ว ทำให้ดัชนีหลักทรัพย์ถือได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าลงทุน ดังนั้น จึงมองว่าการปรับตัวลงของหุ้นไทยในช่วงนี้เป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่จะคัดเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีมาเก็บไว้ในพอร์ต หรือเลือกลงทุนผ่านกองทุนที่มีนโยบายเชิงรุกมุ่งสร้างผลประกอบการของกองทุนเหนือดัชนีชี้วัด โดยมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพช่วยคัดเลือกหุ้นที่ดีเหมาะสำหรับลงทุนระยะยาว ” นายสาห์รัชกล่าว  
อย่างไรก็ตาม บลจ.ทิสโก้คาดว่าความไม่แน่นอนต่างๆ จะเริ่มคลี่คลาย และมีความชัดเจนขึ้นอย่างเป็นลำดับ เริ่มจากสถานการณ์ไวรัส COVID-19 ที่ในหลายประเทศสำคัญได้ประกาศมาตรการและแนวทางควบคุมผลที่เกิดขึ้นให้อยู่ในวงจำกัด พร้อมมาตรการเยียวยาช่วยเหลือในด้านต่างๆ ผ่านนโยบายการเงินและนโยบายการคลัง เพื่อประคองสถานการณ์ไปพร้อมๆ กับการเตรียมความพร้อมด้านการรักษา และสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง เหมือนที่สามารถทำได้สำเร็จในประเทศจีนและเกาหลีใต้ ทั้งนี้ คาดว่าความชัดเจนจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 พร้อมๆ กับการผ่านพ้นฤดูกาลแพร่ระบาด ในส่วนของภาวะความผันผวนของราคาน้ำมันคาดว่าจะลดลงหลังจากความตกใจต่อการยกเลิกแผนการลดการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่ม OPEC รวมทั้งการกลับเข้าสู่ภาวะอุปสงค์อุปทานที่แท้จริง ทั้งนี้ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอาจจำเป็นต้องใช้เวลาในระดับหนึ่ง ซึ่งต้องติดตามเป็นเป็นระยะๆ
ผู้ลงทุนสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad