ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยเปิดผลวิจัยตลาดคอนโดช่วงโควิด-19 ไตรมาสที่ 1 ชะลอตัว - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยเปิดผลวิจัยตลาดคอนโดช่วงโควิด-19 ไตรมาสที่ 1 ชะลอตัว

ตลาดคอนโด ช่วงโควิด-19
นางสาวริษิณี สาริกบุตร ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา บริษัทไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่าตลาดคอนโดมิเนียมในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี พ.ศ. 2563 ค่อนข้างชะลอตัวในแง่ทั้งอุปทาน และ อุปสงค์ อันเนื่องมาจากสถานการณ์ระบาดของไวรัสโคโรน่า สายพันธ์ใหม่ หรือ โควิด-19 โดยการระบาดได้เริ่มต้นในช่วงปลายเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 และในเดือนมีนาคมการระบาดได้เพิ่มความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมถึงเมษายนไม่มีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในกรุงเทพมหานคร โครงการต่างๆที่วางแผนว่าจะมีการเปิดตัวโครงการต่างแจ้งเลื่อนการเปิดขายไปยังช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ หลายๆบริษัทฯได้มีนโยบายให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน (Work from home) ในส่วนของสำนักงานขาย (Sales Office) ของโครงการคอนโดมิเนียมหลายๆโครงการได้ปิดการให้บริการ โดยลูกค้าสามารถเข้าชมโครงการได้ด้วยการโทรนัดหมายล่วงหน้า รูปแบบการขายได้หันไปใช้รูปแบบดิจิตัล แพลทฟอร์ม หลายๆบริษัทฯได้หันมาใช้แอพพลิเคชั่นในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า อันได้แก่ การขายผ่านไลน์ เว็บไซด์ แอพ และ เยี่ยมชมโครงการผ่าน VDO Call, Live Youtube, Facebook หรือ การจองโดยใช้รูปแบบ On line booking ต่างๆ  
ผลการรวบรวมข้อมูลคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ ณ สิ้นเดือนมีนาคม พบว่าปี 2563 ทั้งปีน่าจะมีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ประมาณ 11,000 -12,000 หน่วย ซึ่งลดลงจากที่ประมาณการณ์ไว้เมื่อต้นปีที่ 20,000 หน่วย หรือลดลงถึงร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยในช่วง 8 ปี ที่ผ่านมาจำนวนหน่วยคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในกรุงเทพมหานครเปิดขายเฉลี่ยปีละ 60,000 หน่วย ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ พบว่ามีจำนวนหน่วยคอนโดมิเนียมเปิดขายไปแล้วประมาณ 6,007 หน่วย จำนวนหน่วยเปิดขายใหม่ลดลงในอัตราร้อยละ 53.4 หากเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีก่อนหน้า สาเหตุหลักของการที่อุปทานใหม่ลดลงอันเนื่องมาจากสถานการณ์ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ใหม่ หรือ โควิด-19  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนมีนาคม การระบาดได้เพิ่มความรุนแรงมากขึ้น
คอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 1 ปี พ.ศ. 2563 เป็นคอนโดมิเนียมระดับเกรดซี (ราคาขายต่ำกว่า 80,000 บาท ต่อ ตร.ม.) คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 58 รองลงมาคือ คอนโดมิเนียมระดับเกรดบี (ราคาขายระหว่าง 80,001 – 150,000 บาท ต่อ ตร.ม.) คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 27 และคอนโดมิเนียมระดับเกรดเอ (ราคาขาย > 150,000 บาท ต่อ ตร.ม.) คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 14 ส่วนคอนโดมิเนียมระดับไพร์มและซุปเปอร์ไพร์มมีอุปทานใหม่เพียงร้อยละ 1
หากพิจารณาในแง่สถานที่ตั้งพบว่าคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ส่วนใหญ่มีสถานที่ตั้งอยู่บริเวณชานเมืองกรุงเทพมหานคร คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 56 รองลงมาได้แก่คอนโดมิเนียมที่มีสถานที่ตั้งอยู่บริเวณรอบเขตศูนย์กลางธุรกิจ (City Fringe) คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 28 และ คอนโดมิเนียมที่มีสถานที่ตั้งอยู่บริเวณศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 16
จากการระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ใหม่ หรือ โควิด-19 ส่งผลให้กำลังซื้อลดลงอย่างชัดเจนในโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ใน  ไตรมาสที่ 1 ของปี พ.ศ. 2563 โดยจำนวนหน่วยขายได้ใหม่มีเพียง 1,791 หน่วย จากอุปทานที่เปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 6,007 หน่วย คิดเป็นอัตราการขายที่ร้อยละ 30 อัตราการขายลดลงในอัตราร้อยละ 9 หากเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกัน ณ ปีก่อนหน้า หรือ อัตราการขายลดลงในอัตราร้อยละ 20 หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ยิ่งในช่วงเดือนมีนาคมซึ่งเป็นช่วงที่มีการระบาดอย่างรุนแรงของโควิด-19 ส่งผลให้จำนวนผู้ที่เข้าไปเยี่ยมชมโครงการลดลง นอกจากยอดขายใหม่คอนโดมิเนียมจะลดน้อยลง ยังมีความกังวลถึงยอดโอนคอนโดมิเนียมสำหรับโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมที่จะโอนในปีนี้ เนื่องจากการประกาศล็อคดาวน์ทั่วประเทศ ส่งผลให้ทุกๆธุรกิจแทบจะหยุดการดำเนินกิจกรรมเกือบ 100% แน่นอนว่าในช่วงที่ธุรกิจต่างๆหยุดการดำเนินงาน ย่อมส่งผลกระทบต่อการทำงานของบุคคลากรในองค์กรธุรกิจต่างๆ ไปด้วย ผลที่ตามมาคือ ในบางธุรกิจที่มีการลดการจ้างงาน และลดเงินเดือนของพนักงานทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องตกงาน ขาดรายได้ หรือมีรายได้ที่ลดลง ซึ่งเมื่อถึงเวลาโอนอาจจะทำการโอนไม่ได้อันเนื่องมาจาก การที่ธนาคารเพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น และเชื่อว่ายอดปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection Rate) มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในปีนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad