เงินเฟ้อมิ.ย.ติดลบน้อยลง 1.57% เหตุน้ำมันเป็นตัวฉุด มาตรการลดราคาสินค้ายังอยู่ - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

เงินเฟ้อมิ.ย.ติดลบน้อยลง 1.57% เหตุน้ำมันเป็นตัวฉุด มาตรการลดราคาสินค้ายังอยู่


img
“พาณิชย์”เผยเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.63 ลดลง 1.57% ติดลบเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน โดยลบในอัตราที่น้อยลง เหตุมาตรการของรัฐ ที่ปรับลดค่าไฟฟ้า น้ำประปา สิ้นสุดลง ราคาสินค้าบางส่วนปรับสูงขึ้น แต่ยังมีแรงฉุดจากน้ำมัน อาหารสดที่ลดลง และมาตรการลดราคาสินค้า ย้ำไม่มีภาวะเงินฝืด สินค้ายังเคลื่อนไหวปกติ คาดครึ่งปีหลัง ยังอยู่ในแดนลบ เหตุประชาชนระวังจับจ่ายใช้สอยจากผลกระทบโควิด-19 ปรับคาดการณ์ทั้งปีใหม่เป็นลบ 1.5% ถึงลบ 0.7% ค่ากลางลบ 1.1%
         
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนมิ.ย.2563 ลดลง 1.57% ถือว่าปรับตัวดีขึ้นจากเดือนพ.ค.2563 ที่ลดลง 3.44% โดยสาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อลดลงในอัตราที่น้อยลง มาจากมาตรการรัฐที่ช่วยเหลือด้านค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาสิ้นสุดลง และราคาสินค้าส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในทิศทางที่ดีขึ้น แต่เงินเฟ้อก็ยังได้รับแรงฉุดจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง รวมถึงราคาอาหารสดที่ปรับตัวลดลง จึงทำให้เงินเฟ้อยังคงติดลบ ส่วนเงินเฟ้อเฉลี่ย 6 เดือนปี 2563 (ม.ค.-มิ.ย.) ลดลง 1.13%
         
“เงินเฟ้อขยายตัวติดลบ 1.57% ทางเทคนิคเป็นเงินฝืด เพราะติดลบติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 แล้ว แต่จริงๆ ไม่ได้ฝืด เพราะราคาสินค้ายังมีการเคลื่อนไหวเป็นปกติ หลายๆ รายการมีการปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจก็ไม่ได้ฝืดเคือง ข้าวของ มีกิน มีใช้ ส่วนที่เงินเฟ้อลดลง เพราะมีปัจจัยตัวอื่นมาฉุด ทั้งน้ำมัน มาตรการพาณิชย์ที่ร่วมมือกับผู้ผลิตลดราคาสินค้า ที่ยังคงอยู่ ทำให้เงินเฟ้อไม่ขึ้น”
         
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเงินเฟ้อพื้นฐาน ที่หักสินค้ากลุ่มอาหารสดและพลังงานออก ลดลง 0.05% ถือว่าติดลบครั้งแรกในรอบ 10 ปี 8 เดือน แต่ก็ไม่น่ากังวล ถือว่าเหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ที่ชะลอตัวและได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
         
สำหรับสถานการณ์สินค้าในเดือนมิ.ย.2563 สินค้าอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 2.53% เช่น น้ำมันลด 16.14% เคหสถาน ลด 1.70% การสื่อสาร ลด 0.04% การบันเทิง การอ่าน การศึกษา ลด 0.29% เครื่องนุ่งห่ม เพิ่ม 0.09% การตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล เพิ่ม 0.19% ส่วนหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 0.06% เช่น ข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง เพิ่ม 5.52% เครื่องประกอบอาหาร เพิ่ม 3.40% เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เพิ่ม 1.95% อาหารบริโภคในบ้าน เพิ่ม 0.78% นอกบ้าน เพิ่ม 0.42% แต่ผักสด ผลไม้ เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ และสัตว์น้ำ ไข่และผลิตภัณฑ์นมลด
         
น.ส.พิมพ์ชนกกล่าวว่า แนวโน้มเงินเฟ้อครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้น แต่ยังไม่ฟื้นตัวดี จะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะยังมีปัจจัยกดดันจากโควิด-19 ทำให้กำลังซื้อ การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนมีการระมัดระวังมากขึ้น โดยเงินเฟ้อน่าจะอยู่ในแดนลบ ทำให้ต้องปรับคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปีใหม่ จากเดิมลบ 1.0% ถึงลบ 0.2% ค่ากลางลบ 0.6% เป็นติดลบ 1.5% ถึงลบ 0.7% ค่ากลางลบ 1.1%
         
“เงินเฟ้อแม้จะอยู่ในแดนลบ แต่จะปรับตัวดีขึ้น เพราะขณะนี้เงินกู้ฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาท กำลังจะออกมา ซึ่งจะทำให้เกิดแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ และจากนั้นจะเป็นงบประมาณปี 2563/64 ที่จะตามมาอีก ถือเป็น 2 ก๊อก ที่จะช่วยประคับประคองเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว และยังมีมาตรการบรรเทาผลกระทบที่รัฐบาลกำลังพิจารณาช่วยเหลืออีก ก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย ทำให้เงินเฟ้อขยับขึ้น แต่ไม่อยากให้เงินเฟ้อขึ้นเร็วเกินไป เพราะยังมีโควิด-19 ประชาชนจะกระทบ แต่ถ้าไม่ขึ้นเลย ผู้ผลิตก็กระทบ ขึ้นแบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปดีกว่า”น.ส.พิมพ์ชนกกล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad