โรลส์-รอยซ์ มุ่งพัฒนาอย่างยั่งยืน ผ่านความใส่ใจต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

โรลส์-รอยซ์ มุ่งพัฒนาอย่างยั่งยืน ผ่านความใส่ใจต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม


โรลส์-รอยซ์ มุ่งพัฒนาอย่างยั่งยืน
ผ่านความใส่ใจต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

7 กรกฎาคม 2563, กู๊ดวูด
Home of Rolls-Royce รายล้อมด้วยธรรมชาติที่เจริญเติบโตอย่างงดงามตลอดช่วงการล็อกดาวน์ที่ผ่านมา
การเปลี่ยนแปลงการจัดการพื้นที่กลางแจ้งเพียงเล็กน้อย สะท้อนให้เห็นถึงความตระหนักและความเข้าใจในคุณค่าของสัตว์ป่า ซึ่งเด่นชัดยิ่งขึ้นเมื่อเราต้องใช้ชีวิตภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ ในช่วงการระบาดใหญ่
จุดมุ่งหมายของแบรนด์คือการสร้างสมดุลระหว่างการแสวงหาความสมบูรณ์แบบ และความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของเราที่จะอนุรักษ์และปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติทั้งในและรอบๆ ฐานการผลิตที่กู๊ดวูด

ในขณะที่ศูนย์กลางแห่งความเป็นเลิศในการผลิตยนตรกรรมลักซ์ชัวรีระดับโลก (Global Centre of Luxury Manufacturing Excellence) ของโรลส์-รอยซ์ ต้องปิดทำการระหว่างวันที่ 24 มีนาคมถึง 4 พฤษภาคมนั้น พืช สัตว์ นก และแมลงนานาพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ 42 เอเคอร์ของบริษัทยังคงออกมาโลดแล่นและใช้ชีวิตตามปกติ

ณ Home of Rolls-Royce เหล่าต้นมะนาวอันโด่งดังที่ยืนต้นสวยงามประดับคอร์ทยาร์ดก็ได้ย่างก้าวเข้าสู่เดือนมิถุนายนในสภาพที่ต้องการการตัดแต่งกิ่งอย่างเร่งด่วน เช่นเดียวกับมนุษย์ที่ต้องการการตัดผม (ตรงกันข้ามกับความเชื่อทั่วไป ต้นไม้เหล่านี้ไม่ได้เติบโตเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมเองโดยธรรมชาติ แม้จะมีข่าวลือว่าวิศวกรของโรลส์-รอยซ์กำลังหาวิธีในการทำให้ต้นไม้เหล่านี้สามารถเติบโตขึ้นเป็นรูปทรงนั้นได้เองก็ตาม) ต้นมะนาวทั้ง 65 ต้นได้รับการตัดแต่งอย่างพิถีพิถันด้วยอุปกรณ์เลเซอร์ที่มีความแม่นยำสูง ที่จะช่วยให้พวกมันกลับคืนสู่ความมีระเบียบ ในรูปลักษณ์ที่เหมือนกันอย่างไร้ที่ติ เพื่อต้อนรับลูกค้าผู้ทรงเกียรติของโรลส์-รอยซ์ ที่จะกลับมาอีกครั้ง

ทะเลสาบขนาดใหญ่ตรงกลางทำหน้าที่เป็นฉนวนซับความร้อนตามธรรมชาติสำหรับระบบควบคุมสภาพอากาศของโรงงานผลิต และยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยอันวิเศษของนกป่าชนิดต่างๆ รวมถึงเป็ด ไก่นา หงส์ และนกกระสา


ลูกนกน้อยๆ จากนกมากมายเหล่านี้ได้ออกมาลืมตาดูโลกในช่วงล็อกดาวน์ แต่ถึงจะเป็นนกที่มีเสน่ห์น่ารักขนาดไหน ลูกเป็ดและลูกไก่นาก็เป็นสัตว์ที่เดาใจได้ยาก ดูอุ้ยอ้ายเมื่อเดินบนพื้นดิน และมีความรู้เรื่องการจราจรน้อยมาก ดังนั้นเพื่อปกป้องผู้อยู่อาศัยที่น่าเอ็นดูแต่มีความเปราะบางสูงเหล่านี้ โรลส์-รอยซ์จึงได้ติดตั้งป้ายเตือนตามมาตรฐานทางหลวงสำหรับผู้ขับขี่ยวดยานให้ทราบถึงจุดที่นกป่ามักจะเดินข้ามถนน ครอบคลุมถนนทุกเส้นทั่วพื้นที่โรงงานผลิต รวมถึงถนน The Drive ที่บริเวณทางเข้าหลัก

การผลิตที่โรงเลี้ยงผึ้งกู๊ดวูด อาพิเอรี (Goodwood Apiary) ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่ถูกขัดจังหวะแม้มีการระบาดใหญ่ ฝูงผึ้งน้ำหวานสายพันธุ์อังกฤษที่แข็งขันกว่า 250,000 ตัว กำลังทำงานอย่างไม่หยุดหย่อนเพื่อเตรียมส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่หายากและมีค่าในฤดูกาลนี้ ซึ่งก็คือ ‘น้ำผึ้งโรลส์-รอยซ์’  ซึ่งกิจกรรมต่างๆ ของพนักงานมีปีกเหล่านี้ก็ได้ดึงดูดผู้คนทั่วโลกให้ติดตามเรื่องราวของพวกมันบนโซเชียลมีเดีย นอกจากดอกไม้ป่ามากมายที่กำลังผลิบานทั่วทั้งโรงงานผลิตและในพื้นที่โดยรอบของกู๊ดวูดแล้ว ผึ้งน้ำหวานก็ยังสามารถเข้าถึงพื้นที่กว่า 32,000 ตารางเมตร (ประมาณ 8 เอเคอร์) ที่เต็มไปด้วยไม้อวบน้ำสกุลซีดัมบนหลังคาของโรงงาน ซึ่งนับเป็นหลังคามีชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร

ในบรรดาดอกไม้ที่ผึ้งในกู๊ดวูดกำลังผสมเกสรอยู่นั้น ยังมีดอกไม้ที่เราไม่สามารถพบได้ ณ ที่อื่นใดในโลกเติบโตอยู่ด้วย แน่นอนว่ามันคือดอกแฟนธอม โรส (Phantom Rose) ที่ได้รับการพัฒนาเพื่อโรลส์-รอยซ์เท่านั้น โดยฟิลิฟ ฮาร์กเนส (Philip Harkness) นักเพาะพันธุ์กุหลาบชาวอังกฤษชื่อดัง ดอกกุหลาบสายพันธุ์นี้ชูช่อในแปลงที่ล้อมรอบด้วยดอกลาเวนเดอร์ ใกล้กับบ่อน้ำข้างโรงงานผลิต ซึ่งเมื่อบานเต็มที่จะอวดโฉมกลีบหนาหลายชั้นสีขาวครีมทั้งหมด 50 กลีบ พร้อมกลิ่นหอมรัญจวนใจ เมื่อไม่นานมานี้ แฟนธอม โรสยังเป็นแรงบันดาลใจสำหรับการตกแต่งภายในแบบสั่งผลิตพิเศษ นำไปสู่งานปักแสนวิจิตร กว่า 1 ล้านฝีเข็มในยนตรกรรมแฟนธอมของลูกค้าชาวสวีเดนอีกด้วย

มร. ทอร์สตัน มูเลอร์-ออทเวิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส กล่าวว่า “หนึ่งในผลลัพธ์ที่โดดเด่นที่สุดจากการล็อกดาวน์ในช่วงการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็คือการที่ผู้คนตื่นตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและหันมาให้ความสำคัญกับธรรมชาติ หลายคนพบว่าตนเองรู้สึกผู้พันกับสัตว์ป่ามากกว่าที่เคย ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงสำหรับพวกเรา ณ Home of Rolls Royce ด้วยเช่นกัน เราได้กลับมาทำงานอีกครั้ง พร้อมกับความตั้งใจที่จะทำให้ “ความปกติใหม่” ของเรามุ่งเน้นไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น”

เขากล่าวเสริมว่า “เรามุ่งมั่นที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้เหลือน้อยที่สุด โรงงานผลิตของเราได้รับรางวัลด้านความยั่งยืนมากมายและผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO 14001 สำหรับการจัดการสิ่งแวดล้อมและการป้องกันมลพิษนับตั้งแต่บริษัทเปิดทำการในปี 2546 ซึ่งเราถือว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และสำคัญ แต่การที่เราได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้นในช่วงการล็อกดาวน์ ก็ยิ่งเป็นสิ่งเตือนใจให้เรารู้ซึ้งว่าแม้แต่รายละเอียดหรือการกระทำที่ดูเล็กน้อยที่สุดนั้น ก็สามารถสร้างความแตกต่างอย่างมหาศาลได้ ซึ่งเป็นแนวคิดเดียวกันกับที่เราใช้ในการรังสรรค์ยนตรกรรมที่ดีที่สุดในโลก”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad