ACE รุกเดินหน้า เทคโอเวอร์โรงไฟฟ้าชีวมวล 3 โรงรวด 27 เมกะวัตต์ ขยายพอร์ตไฟฟ้าเป็น 239 เมกะวัตต์ รับรู้รายได้ทันที มั่นใจหนุนผลงานปี 63 โตต่อเนื่อง - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

ACE รุกเดินหน้า เทคโอเวอร์โรงไฟฟ้าชีวมวล 3 โรงรวด 27 เมกะวัตต์ ขยายพอร์ตไฟฟ้าเป็น 239 เมกะวัตต์ รับรู้รายได้ทันที มั่นใจหนุนผลงานปี 63 โตต่อเนื่อง

ACE รุกเดินหน้า เทคโอเวอร์โรงไฟฟ้าชีวมวล 3 โรงรวด 27 เมกะวัตต์ ขยายพอร์ตไฟฟ้าเป็น 239 เมกะวัตต์ รับรู้รายได้ทันที มั่นใจหนุนผลงานปี 63 โตต่อเนื่องเงินสดเต็มกระเป๋า เร่งศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าที่จ่ายไฟแล้ว อีกหลายโครงการ

“ACE” บมจ. แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ รุกเดินหน้าขยายพอร์ต เข้าเทคโอเวอร์โรงไฟฟ้าชีวมวล จำนวน 3 บริษัท กำลังผลิตรวม 26.9 เมกะวัตต์ เพิ่มพอร์ตไฟฟ้าเติบโตเป็น 239 เมกะวัตต์ รับรู้รายได้ทันทีในไตรมาส 3 มั่นใจปีนี้ผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง
นายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า จากพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ของประเทศ และเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดของไทย (The Clean Energy Leader) เปิดเผยว่า “ ACE รุกขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์การพัฒนาโครงการใหม่ และการควบรวมกิจการโรงไฟฟ้าที่จำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้ว ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ และ/หรือบริษัทย่อย เข้าซื้อกิจการของบริษัทผู้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล จำนวน 3 บริษัท ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 26.9 เมกะวัตต์ และมีสัญญาซื้อขายไฟกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวม 22.5 เมกะวัตต์ จาก บริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน) ประกอบด้วย 1) บริษัท ยูดับบลิวซี โกเมน ไบโอแมส จำกัด (“UKB”) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่ ตำบลบ้านโพธิ์ อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา 2) บริษัท ยูดับบลิวซี อาพัน ไบโอแมส จำกัด (“UAB’’) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 9.5 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่ ตำบลดอนมนต์ อำเภอ สตึก จังหวัดบุรีรัมย์ และ 3) บริษัท สตึกไบโอแมส จำกัด (“SBM’’) ซึ่งเป็นผู้ดาเนินโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 7.5 MW ตั้งอยู่ที่ ตำบลดอนมนต์ อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 26.9 เมกะวัตต์ และมีสัญญาซื้อขายไฟกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวม 22.5 เมกะวัตต์ และได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2554, 6 กุมภาพันธ์ 2551 และ 16 มิถุนายน 2554 ตามลำดับ การที่บริษัทฯ เข้าซื้อกิจการดังกล่าว ทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีโรงไฟฟ้าชีวมวลที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มี 9 โครงการ ขนาดกาลังการผลิตติดตั้งรวม 89.1 เมกะวัตต์ เป็น 12 โครงการ ขนาดกาลังการผลิตติดตั้งรวม 116.0 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ ภายหลังจากที่บริษัทเป้าหมายได้กลายเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ แล้ว บริษัทฯ สามารถนำความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ และจุดแข็งในด้านต่างๆ ที่มีในธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวล มาปรับปรุงพัฒนาเครื่องจักรโรงไฟฟ้า การเดินเครื่องจักรและการบำรุงรักษา (Operation & Maintenance) การบริหารเชื้อเพลิง การบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน รวมทั้งต้นทุนทางการเงิน ของบริษัทเป้าหมายให้ดีและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้กับบริษัทเป้าหมายและยังเป็นการเพิ่มอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนให้แก่บริษัทฯ ด้วย
โดยบริษัทฯมีความชำนาญในด้านการพัฒนาโครงการ ตลอดจนการดูแลและซ่อมบำรุง (O&M) อย่างครบวงจร และยังมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนต่ำเพียง 0.23 เท่า จึงสามารถลงทุนโรงไฟฟ้าได้อีกมาก เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นและสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน
นายธนะชัย กล่าวเสริมว่า “ ACE มุ่งเน้นการขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ซึ่งนอกจาก 3 โครงการนี้ บริษัทฯกำลังศึกษาการลงทุนในโรงไฟฟ้าที่จ่ายไฟฟ้าแล้วอีกจำนวนหลายโครงการ รวมถึงการเตรียมเข้าประมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ตามนโยบาย สำคัญของภาครัฐ 2 โครงการใหญ่ คือ โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน 700 เมกะวัตต์โดยเฉพาะโครงการ Quick - Win ซึ่งเป็นเฟสแรกของ โครงการ ที่ล่าสุด กกพ.ประกาศว่าคาดว่าจะเปิดให้ยื่นประมูลภายในเดือนกรกฎาคมนี้ และสามารถรับรู้รายได้อย่างรวดเร็ว และโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน 400 เมกะวัตต์ รวมแล้ว 1,100 เมกะวัตต์ โดยบริษัทฯ มีความพร้อมทุกด้าน ทั้งประสบการณ์ การพัฒนา และบริหารโรงไฟฟ้ากว่า 212 เมกะวัตต์ ทางบริษัทมีความพร้อมในด้าน  
  1. ประสบการณ์การพัฒนาและบริหารโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด 213.01 เมกะวัตต์  
  2. ความเชียวชาญด้านการวิจัยและพัฒนา(R&D) พันธุ์พืชพลังงานมากกว่า 10 ชนิด และมีผู้บริหารที่มีประสบการณ์ด้านการวิจัยและพัฒนาพันธ์พืชมากว่า 40 ปี
  3. เครือข่ายโรงงานแปรรูปสินค้าทางการเกษตรและเครือข่ายเกษตรกร ที่กลุ่มผู้บริหารบ่มเพาะมามากว่า 40 ปี จากการทำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมครบวงจร ซึ่งครอบคลุมพืชพันธุ์ด้านเกษตรหลักทุกชนิด อาทิเช่น ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ไม้โตเร็ว ฯลฯ ทำให้มีวัตถุดิบเพียงพอ สำหรับการขยายกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าได้ตามเป้าอย่างต่อเนื่อง และยังมีเครือข่ายเกษตรกรที่ต่างประเทศ ทำให้สามารถขยายกำลังการผลิตไปที่ต่างประเทศได้เช่นกัน
  4. การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้า จากวัสดุทางการเกษตรที่หลากหลายและมีความชื้นสูงมากกว่า 50 ชนิด
  5. เทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าระสิทธิภาพสูง จากขยะมูลฝอย
  6. ความพร้อมทางการเงิน
  7. ทีมวิศวกรที่มีศักยภาพ ประสบการณ์ และความเชียวชาญด้านการเดินโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดเกือบทุกชนิด
  8. ทัศนคติและความปารถนาของบุคลลากรที่ต้องการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง                                                                          
ACE เพิ่งได้รับคัดเลือกเข้าคำนวณดัชนีระดับ SET 100 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และดัชนีระดับสากล FTSE SET Index 2 กลุ่มรวด คือ FTSE SET Mid Cap Index และ FTSE SET Shariah Index รอบการรีวิวครึ่งปีหลัง ซึ่งคัดเลือกโดยองค์กรระดับโลกอย่าง FTSE Russell ร่วมกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่ง

ประเทศไทย โดยในไตรมาส 1/ 2563 บริษัทฯ รายงานผลประกอบการที่เติบโตสูง มีผลกำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้น 347% เป็นกำไรสุทธิ  593.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากกำไรสุทธิ 132.62 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2562
ทำให้อัตรากำไรสุทธิของ ACE ในช่วงไตรมาส 1/2563 สูงถึง 44 % โดยในไตรมาสแรกปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,348 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับรายได้รวม 1,213 ล้านบาทในช่วงเดียวกันในงวดปี 2562 และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (IBD/E) ที่ต่ำมากเพียง 0.23 เท่า บริษัทฯจึงมีศักยภาพในการลงทุนโรงไฟฟ้าโครงการใหม่ๆเพิ่มขึ้น และมีความพร้อมในการขยายกิจการได้อย่างมาก นักวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้เพิ่มราคาเหมาะสมของ ACE เป็น 5.24 บาท มีส่วนต่างถึง 35 % จากราคาหุ้นในปัจจุบัน เนื่องจากคาดว่าบริษัทฯ จะมีการผลประกอบการที่เติบโตสูง จากการลดค่าใช้จ่ายทางการเงิน และค่าดำเนินงาน และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งโรงไฟฟ้าได้ตามเป้าหมาย
ปัจจุบัน ACE มีโรงไฟฟ้าที่เปิด ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว  มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 212.18 เมกะวัตต์ และมีเป้าหมายระยะยาว ที่จะเพิ่มกำลังการผลิต ติดตั้งรวมมากกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567 จากโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา โครงการที่อยู่ระหว่างรอการพัฒนา และโครงการในอนาคต ทั้งโรงไฟฟ้าชุมชนและโรงไฟฟ้าขยะ อันจะส่งผลให้ ACE เติบโตอย่างก้าวกระโดดและต่อเนื่องในช่วง 5 ปีนี้  ล่าสุด ACE มีส่วนของผู้ถือหุ้นรวมกว่า 11,387 ล้านบาท เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ของประเทศไทย และเป็น 1 ในผู้นำด้านโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดของโลกที่มีความสามารถผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงหลากหลาย ประเภท มีความเชี่ยวชาญอย่างมืออาชีพ เป็นต้นแบบของโลกเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าขยะชุมชน ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ISO 14001 , ISO 9001 และ OHSAS 18001 อีกทั้งยังเป็นแบบอย่าง ของโลกในการดำเนินกิจการ โดยยึดหลัก ESG (Environmental Social and Governance) ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม บรรษัทภิบาล และเป็นธุรกิจที่ก่อให้เกิด Positive Total Societal Impact (TSI) หรือผลลัพธ์เชิงบวกให้แก่สังคม จากการดำเนินงานของบริษัทฯ อันจะส่งผลดีต่อผลตอบแทนการลงทุนโดยรวม นอกจากนี้โรงไฟฟ้าชีวมวล และโรงไฟฟ้าขยะของ ACE ช่วยลดมลภาวะและเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และชุมชน เพื่อป้องกันการเกิด PM2.5 ลดปัญหาขยะชุมชน และช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่คนไทยทุกคน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad