สศช. กับบทบาทขับเคลื่อนแผนฯ 12 การพัฒนาเกษตร
อัจฉริยะ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิ จและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. มีภารกิจสำคัญในการขับเคลื่ อนประเด็นการพัฒนาสำคัญในแผนพั ฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560– 2565) ไปสู่การปฏิบัติ โดยมีแนวทางการดำเนินการที่สำคั ญคือติดตามความก้าวหน้ าและประเมินการทำงานของกลไก ที่รับผิดชอบการขับเคลื่ อนประเด็นการพัฒนาสำคัญต่างๆ ในแผนพัฒนาฯ เพื่อเสนอแนวทางแก้ปัญหาหรือผลั กดันกลไกให้ดำเนินการไปอย่างมี ประสิทธิภาพและเกิดการบู รณาการการทำงานระหว่างกัน เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพปั ญหาและความต้องการของแต่ละพื้ นที่และเกิดประสิทธิผลอย่างเป็ นรูปธรรม นำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพั ฒนาที่กำหนดไว้ในแผนฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิ จและสังคมแห่งชาติเปิดเผยถึ งแนวทางในการคัดเลือกประเด็ นการพัฒนาสำคัญมาศึกษาวิเคราะห์ และติดตามความก้าวหน้าและประเมิ นการทำงานของกลไกที่รับผิ ดชอบในการขับเคลื่อนการพั ฒนามาอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่ง สศช.กำหนดแนวทางหรือหลักเกณฑ์ ในการคัดเลือกประเด็นมาดำเนิ นการ ประกอบด้วย
1)เป็นประเด็นการพัฒนาที่มี ความสำคัญและมีผลกระทบสูงต่ อความสำเร็จของยุทธศาสตร์ประเทศ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ชาติ หรือเป็นประเด็นที่จะช่ วยวางรากฐานเชิงโครงสร้ างของการพัฒนาระยะยาวให้มี ความเข้มแข็งและเป็นแรงส่งให้ การพัฒนาประเทศในภาพรวมก้าวไปข้ างหน้าได้อย่างมั่นคงและยั่งยื น
2) เป็นประเด็นที่มีลักษณะเชิงบู รณาการ (Cross Cutting Issues) ที่นำไปสู่การพัฒนาทั้งในด้ านเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้ อมไปพร้อมๆ กัน และตอบสนองต่อยุทธศาสตร์ในแผนพั ฒนาฯ ฉบับที่ 12 มากกว่า 1 ยุทธศาสตร์ และไม่มีเจ้าภาพที่ชั ดเจนในการขับเคลื่อนหรือมี หลายหน่วยงานที่ต้องทำงานร่วมกั นเพื่อให้บรรลุผลตามเป้าหมาย และ
3) เป็นประเด็นที่ยึดโยงกับการพั ฒนาเชิงพื้นที่ (Area-Based) โดยเป็นประเด็นที่สนับสนุ นนโยบายการพัฒนาในระดับพื้นที่ ที่ช่วยยกระดับจุดแข็งหรือศั กยภาพที่โดดเด่นของแต่ละพื้นที่ ให้มีความสามารถในการแข่งขันช่ วยกระจายความเจริ ญและโอกาสทางเศรษฐกิจของคนในท้ องถิ่น เพิ่มคุณภาพชีวิตของคนในชุ มชนและเอื้อต่อการพัฒนาที่เป็ นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
“ทั้งนี้ ในปี 2562 – 2563 การพัฒนาเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) เป็นประเด็นที่ สศช. เลือกขึ้นมาทำการศึกษาวิเคราะห์ เพื่อผลักดันการขับเคลื่อนในเชิ งพื้นที่ เนื่องจาก1)ภาคเกษตรเป็ นภาคเศรษฐกิจ ที่สำคัญของไทย เป็นฐานที่เชื่อมโยงทรั พยากรธรรมชาติ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศ สินค้าเกษตรเป็นสินค้าหลักที่ เป็นจุดแข็งของประเทศไทย แต่ยังมีปัญหาในเรื่องผลิ ตภาพและการสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งปัจจุบันโลกได้มีการพั ฒนาแนวคิด เทคโนโลยี และนวัตกรรมอย่างก้าวกระโดด ในภาคเกษตรกรรมก็เช่นกัน ที่เน้ นการเปลี่ยนแนวคิดจากทำมากได้น้ อย ซึ่งเป็นการเน้นภาคการผลิต มาเป็นแนวคิดทำน้อยได้มาก ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนด้ วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ก่อให้เกิดการเพิ่มประสิทธิ ภาพการผลิต ยิ่งไปกว่านั้นยังสร้างมูลค่ าเพิ่มให้สินค้ามากกว่ าการเกษตรแบบดั้งเดิมอย่างมาก ซึ่งการสนับสนุนการใช้เกษตรอั จฉริยะ หรือ Smart Farmingที่ประยุกต์การใช้เทคโนโลยีทั้ งเครื่องจักร การบริหารจัดการข้อมูล และการต่อยอดผลผลิต จะเป็นเครื่องมือสำคั ญในการยกระดับผลิตภาพและช่วยเพิ่ มขี ดความสามารถของภาคเกษตรไทยได้ และ2)เป็นประเด็นที่เชื่อมโยงกั บยุทธศาสตร์การพัฒนาในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 ในหลายยุทธศาสตร์ ทั้งยุทธศาสตร์การสร้างความเข้ มแข็งทางเศรษฐกิจและแข่งขันได้ อย่างยั่งยืน ยุทธศาสตร์การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัย และนวัตกรรม และยุทธศาสตร์การพัฒนาภาค เมือง และพื้นที่เศรษฐกิจ นอกจากนี้ เกษตรอัจฉริยะยังเป็นประเด็ นสำคัญในยุทธศาสตร์ชาติด้ านการสร้างความสามารถในการแข่ งขัน โดยมีแผนแม่บทย่อยที่กำหนดเป้ าหมายไว้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม การขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริม Smart Farming ยังมีช่องว่างเกิดขึ้น ที่เห็นได้ชัด คือ มีหน่วยงานที่ส่งเสริมนโยบายนี้ หลายหน่วยงาน แต่ยังไม่มีเจ้าภาพหลักที่ชั ดเจน จึงควรเร่งติดตามค้นหาปัญหาหรื อข้อจำกัดในการขับเคลื่ อนและหาแนวทางแก้ไข เพื่อผลักดันนโยบายนี้ให้เกิ ดผลอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างประโยชน์ต่อประชาชน โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกรให้มากที่ สุด” เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิ จและสังคมแห่งชาติ กล่าวส่วนการขับเคลื่อนเกษตรอั จฉริยะจะมีทิศทางอย่างไร จะสร้างแต้มต่อให้กั บเกษตรกรไทยได้อย่างไรนั้น ต้องเกาะติดแนวทางการขับเคลื่ อนของ สศช. ที่มีการเปิดเผยผลการศึกษาออกมา เพื่อที่จะเชื่อมโยงให้ เกษตรกรไทยได้เห็นภาพใหญ่ และแนวทางที่จะยกระดั บภาคการเกษตรไทยให้สามารถแข่งขั นได้อย่างเข้มแข็ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น