บลจ.ไทยพาณิชย์ โชว์ผลงานบริหารกองหุ้นต่างประเทศ ปันผลกว่า 79 ล้านบาท - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2563

บลจ.ไทยพาณิชย์ โชว์ผลงานบริหารกองหุ้นต่างประเทศ ปันผลกว่า 79 ล้านบาท


นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลกว่า 79 ล้านบาท สำหรับ 2 กองทุนให้กับผู้ถือหน่วยพร้อมกันในวันที่ 25 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอล อิควิตี้ (SCBGEQ) สำหรับงวดผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ก.พ. 2563 – 31 ก.ค. 2563 และกำไรสะสม โดยกองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว คือ กองทุน Veritas Global Focus (กองทุนหลัก) ที่มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นทั่วโลก ซึ่งได้กำหนดจ่ายปันผลในอัตรา 0.3005 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 12 รวมจ่ายปันผล 2.6745 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งกองทุนเมื่อ 14 ก.พ. 2556) โดยกองทุนนี้จัดเป็นกองทุน 4 ดาว ประเภท Thailand Fund Global Equity ของมอร์นิ่งสตาร์ (ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2563)

ส่วนอีกกองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นจีนเอแชร์ (SCBCHA) สำหรับงวดผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ก.พ. 2563 – 31 ก.ค.2563 เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว คือ ChinaAMC CSI 300 Index ETF (กองทุนหลัก) ซึ่งมีนโยบายลงทุนให้มีผลการดำเนินงานและความเสี่ยงใกล้เคียงกับดัชนี CSI 300 มากที่สุด โดยกำหนดจ่ายปันผลในอัตรา 0.1621 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 7 รวมจ่ายปันผล 0.7620 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งกองทุนเมื่อ 13 ก.พ. 2558)
นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทฯ ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศโดยมองว่า ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ที่ขยายวงกว้างอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก สร้างความกังวลให้นักลงทุนถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน นอกจากนี้ ยังส่งผลให้นักลงทุนส่วนใหญ่ลดน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำอย่างรวดเร็วเพื่อถือครองเงินสด เป็นสาเหตุให้ตลาดหุ้นโลกปรับตัวลงอย่างรุนแรงในช่วงเดือนมีนาคม โดยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและหุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวลดลงมากกว่าตลาดเนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตามมาตรการ Lockdown ที่เกิดขึ้นเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสได้ส่งผลให้มีความต้องการในการสื่อสารผ่านเทคโนโลยีทั้งในส่วนของฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์แอปพลิเคชัน รวมถึงการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งส่งผลให้เป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มดังกล่าว
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่ม Healthcare ก็เป็นอีกกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากความคาดหวังถึงความเป็นไปได้ในการคิดค้นวัคซีนต้านไวรัส Covid-19 ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมาตลาดหุ้นได้เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างค่อยไปเป็นค่อยไป โดยได้รับแรงสนับสนุนหลักมาจากนโยบายการเงินและการคลังที่ถูกประกาศใช้อย่างต่อเนื่องในหลายประเทศเพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและประคับประคองเศรษฐกิจ อีกทั้งแนวโน้มจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในหลายประเทศที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาดำเนินได้ตามปกติคลายความกังวลของนักลงทุนได้บางส่วน รวมถึงผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ปรับตัวลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ยังเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเริ่มกลับมาเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง
สำหรับมุมมองในตลาดหุ้นจีนมองว่า ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจของประเทศจีนในไตรมาส 1/2563 ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ส่งให้เศรษฐกิจหดตัวร้อยละ -9.8 QoQ จากการปิดเมืองยาวนานกว่า 2 เดือน อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจจีนได้กลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 2/2563 โดยขยายตัวร้อยละ 11.5 QoQ จากการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศภายหลังการเปิดเมือง ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งนโยบายการเงิน ได้แก่ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่าง ๆ (Reverse repo rate, MLF rate, LPR rate) การอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบธนาคาร การผ่อนคลายการปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจขยายกลางขนาดเล็ก (SMEs) และนโยบายการคลัง ได้แก่ การเพิ่มเพดานการกู้เงินของภาครัฐผ่านการออกพันธบัตรรัฐบาลท้องถิ่น การยกเว้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ บางรายการเพื่อช่วยเหลือผู้นำเข้า และการปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในระยะถัดไปคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเห็นสัญญาณในเดือนกรกฎาคมจากดัชนีชี้นำภาคการผลิต (PMI manufacturing) ที่ระดับ 52.8 จุด และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจนอกภาคการผลิต (PMI Non-manufacturing) ที่ระดับ 54.2 จุด ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ขยายตัวทั้งสองดัชนี อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงที่ต้องจับตาคือความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นซึ่งอาจเป็นปัจจัยกดดันอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการ ได้ที่ SCBAM Call Center โทร.02-777-7777 กด 0 กด 6 หรือผู้สนับสนุนการขายทุกราย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad