กลุ่มคลัสเตอร์การแพทย์ครบวงจร ร่วมกับ วิศวะมหิดล ขับเคลื่อนพัฒนาผู้ ประกอบการเครื่องมือแพทย์
กลุ่มคลัสเตอร์การแพทย์ครบวงจร ร่วมกับ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ภายใต้การสนับสนุนของกรมส่งเสริ มอุตสาหกรรม ขับเคลื่อนโครงการพัฒนาศั กยภาพและเชื่อมโยงการรวมกลุ่มอุ ตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร ปี 2563 มุ่งเป้าพัฒนานวัตกรรมของผู้ ประกอบการอุตสาหกรรมเครื่องมื อแพทย์ สนองตอบความต้องการของตลาดวิถีใ หม่ที่ใส่ใจสุขภาพและการเติ บโตของอุตสาหกรรมนี้ ณ ภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา
นายโฆษิต กรีพร ประธานกลุ่มคลัสเตอร์การแพทย์ ครบวงจร กล่าวว่า โครงการพัฒนาศักยภาพและเชื่ อมโยงการรวมกลุ่มอุ ตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร ปี 2563 เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน – กันยายน 2563 โดยมีผู้ประกอบการกลุ่มคลั สเตอร์การแพทย์พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ผ่านการคัดเลือกจากกรมส่ งเสริมอุตสาหกรรม เข้าร่วมโครงการจำนวน 30 ราย วัตถุประสงค์โครงการฯ เนื่องจากประเทศไทยมีศั กยภาพและความสามารถในการบริ หารจัดการโรคโควิด-19 ที่ได้ผลดีและมีประสิทธิ ภาพจนได้รับความชื่นชมและเป็นที่ ยอมรับจากประชาคมโลก ประเทศไทยยังเป็นฐานการผลิตอุ ปกรณ์เครื่องมือแพทย์ที่มีคุ ณภาพและหลากหลาย ดังนั้นการส่งเสริมผู้ ประกอบการอุตสาหกรรมเครื่องมื อแพทย์ของไทยด้วยความคิดสร้ างสรรค์ ผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรม จะช่วยยกระดับธุรกิจต่อยอดไปสู่ อุตสาหกรรมแห่งอนาคต สู่โอกาสและตลาดใหม่ๆ
รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ คณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลกล่าวถึง ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกและนำเข้ าเครื่องมือแพทย์ที่มีมูลค่าสู งที่สุดในภูมิภาคอาเซียน อุปกรณ์การแพทย์ที่ผลิตเพื่อส่ งออกของไทยส่วนใหญ่เป็ นประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้งและใช้ เทคโนโลยีไม่ซับซ้อน 84% ของมูลค่าการส่งออกเครื่องมื อแพทย์ทั้งหมด แต่เรายังมีโอกาสกว้ างไกลในการส่งเสริมนวัตกรรมที่ ใช้เทคโนโลยีและมีมูลค่าสูง สำหรับภาพรวมของอุตสาหกรรมเครื่ องมือแพทย์ของไทยกำลังเติบโตด้ วยดี ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 9 -10% ตั้งแต่ปี 2019 ต่อเนื่องไปจนถึงปี2021 สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ ต้องการให้ไทยเป็นศูนย์ กลางทางการแพทย์ในการจัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพผู้ ประกอบการและรวมกลุ่มอุ ตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจรครั้งนี้ ซึ่งจัดขึ้นโดยภาควิชาวิ ศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเปิดเป็นแห่ งแรกของประเทศไทย ใช้ศักยภาพความพร้อมและจุดแข็ งทางวิศวกรรมชีวการแพทย์นั้น นับเป็นประโยชน์ยิ่งต่อผู้ ประกอบการในการเพิ่มขี ดความสามารถทางการแข่งขัน โดยถ่ายทอดเทคโนโลยีและการปรึ กษาเชิงวิชาการ ตลอดจนพัฒนาธุรกิจอุ ตสาหกรรมจากผู้เชี่ยวชาญในแต่ ละด้าน
รศ.ดร.นรเศรษฐ์ ณ สงขลา หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมชี วการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงการดำเนินงานโครงการฯ ว่า กิจกรรมประกอบด้วยเริ่ มแรกทางคณะวิศวะมหิดล ในฐานะที่ปรึกษาได้ลงไปเยี่ ยมเยียนแต่ละโรงงานของผู้ ประกอบการ และดูรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการด้ านเครื่องมือแพทย์อยู่แล้ว และอีกส่วนหนึ่งมาจากแวดวงการ์ เม้นท์และอื่นๆ เช่น ทำผ้าใบต้องการพัฒนาวัสดุและรู ปแบบมาทำอุปกรณ์ที่ใช้ ในการแพทย์ เช่น เต๊นท์แพทย์ ห้องพยาบาลสนาม จากนั้นผู้ประกอบการจะทำแผนธุ รกิจของผลิตภัณฑ์หรือนวั ตกรรมใหม่(Business Model) นำมาผ่านกระบวนการวิเคราะห์ แผนธุรกิจ ลดความเสี่ยง เพื่อเสริมศักยภาพของธุรกิ จและแนวโน้มความสำเร็จมากยิ่งขึ้ น โดยผู้ประกอบการจะได้เข้าฝึ กอบรมทักษะความเป็นมืออาชีพ เช่น การเสนอแข่งไอเดียธุรกิจ (Pitching) การขอทุนสนับสนุน นอกจากนี้ยังได้มาเยี่ยมชมห้ องปฏิบัติการและรับคำแนะนำปรึ กษาโดยผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิ ดจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จนมาเป็นต้นแบบนวัตกรรม
โดยมีนวัตกรรมจากผู้ ประกอบการกลุ่มคลัสเตอร์ การแพทย์ครบวงจร ที่น่าสนใจมากมาย อาทิเช่น เครื่องไบโอพลาสม่าระบบเย็ นในการรักษาแผลเรื้อรัง, หมวกเลเซอร์ปลูกผม ซึ่งใช้คลื่นแสงเลเซอร์, ระบบท่อลมสำหรับส่งตัวอย่ างหลอดเลือด (Pneumatic Transport System : PTS), ระบบปฏิบัติการทันตกรรมปลอดเชื้ อเป็นการพัฒนาระบบการไหลเวี ยนและการกรองอากาศ การป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ ภายในห้องทันตกรรม เพื่อสร้างความมั่ นใจและความปลอดภัยให้กับทั นตแพทย์ เป็นต้น ทั้งนี้นวัตกรรมเหล่านี้จะได้ผ่ านการทดสอบจากศูนย์ทดสอบความเข้ ากันได้ทางชีวภาพของเครื่องมื อแพทย์ (Laboratory for Biocompatibility Testing of Medical Devices)ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งก้าวล้ำด้วยเทคโนโลยีห้ องปฏิบัติการระดับสูงอย่ างครบวงจรมาตรฐานระดับโลก โดยสอดคล้องกับมาตรฐานสากล ISO/IEC 17025:2017 และกฏเกณฑ์ของหน่วยงานที่ให้ การรับรองในนานาประเทศ ช่วยให้การพัฒนานวั ตกรรมของไทยมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ประหยัดเวลาและต้นทุน ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่สู งมากในการเดินทางหรือส่งทดสอบยั งต่างประเทศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น