EXIM BANK จับมือพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชน จับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์เชื่อมผู้ส่งออก SMEs ไทยกับผู้นำเข้าใน CLMV และประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2563

EXIM BANK จับมือพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชน จับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์เชื่อมผู้ส่งออก SMEs ไทยกับผู้นำเข้าใน CLMV และประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน

EXIM BANK จับมือพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชน  จับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์เชื่อมผู้ส่งออก SMEs ไทยกับผู้นำเข้าใน CLMV และประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน

ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) และภาคีเครือข่ายพันธมิตรจากภาครัฐและภาคเอกชน ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ (วพ.) กระทรวงสาธารณสุข และองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) จัดโครงการ “Global Business Matching 2020 : เปิดโลกการค้า เจรจาธุรกิจ พิชิตตลาดส่งออก” ณ โรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพ สุขุมวิท เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2563 จับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์ (Online Business Matching) เพื่อให้ผู้ส่งออก SMEs ไทยในภาคการเกษตรตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เริ่มต้นหรือขยายการส่งออกไปยังตลาด CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) และประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน ซึ่งยังมีกำลังซื้อและความต้องการสินค้าส่งออกจากไทยอีกมาก ท่ามกลางการปรับตัวของผู้บริโภคและภาคธุรกิจจากผลกระทบของโควิด-19 เป็นการส่งเสริมการจ้างงานและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าเกษตรของไทย ขับเคลื่อนการเติบโตของภาคการส่งออกและการพัฒนาประเทศของไทยและภูมิภาคอาเซียน

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท. และประธานกรรมการ EXIM BANK กล่าวว่า จากเป้าหมายร่วมกันเพื่อยกระดับภาคการเกษตรของไทย ซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญมีมูลค่ากว่า 1.2 ล้านล้านบาท คิดเป็น 10% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ นำไปสู่การเติบโตของเศรษฐกิจและสังคม โดยก่อให้เกิดการจ้างงานเป็นสัดส่วนถึง 30% ของกำลังแรงงานทั้งประเทศ ครอบคลุมกว่า 6.4 ล้านครัวเรือน คิดเป็นพื้นที่กว่า 40% ของประเทศไทย EXIM BANK จึงร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจในครั้งนี้ “ต่อยอด” จากกิจกรรมที่ได้ดำเนินการมาแล้วตั้งแต่ปี 2562 ที่ผ่านมาในการ “บ่มเพาะ” ความรู้เพื่อเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการ SMEs ภาคการเกษตรของไทยให้สามารถผลิตและส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการเกษตร และ “ยกระดับ” โดยประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมในกระบวนการผลิตที่ช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีมูลค่าเพิ่มและได้มาตรฐานสากล ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ ช่วยให้สินค้าส่งออกของไทยแข่งขันได้และขยายตลาดในภูมิภาคได้มากขึ้น  
ภายใต้โครงการนี้ EXIM BANK ร่วมกับ ธ.ก.ส. และ วว. ดำเนินการ “บ่มเพาะ ยกระดับ และต่อยอด” อุตสาหกรรมเกษตรของไทยให้ส่งออกและแข่งขันได้ในตลาดการค้าโลก โดยใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญของแต่ละหน่วยงาน กล่าวคือ .ก.ส.พัฒนาเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์การเกษตร และผู้ประกอบการ SMEs ที่มีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรให้สามารถจำหน่ายได้ มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่คุณค่าสินค้าเกษตรโดยความร่วมมือกับพันธมิตรเครือข่าย วว. นำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์การวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรม เข้ามาสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs เกษตร ในการพัฒนามาตรฐานผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิต ให้เข้าสู่มาตรฐานสากล ขณะที่ EXIM BANK จะสนับสนุนใน 3 ด้าน ได้แก่ ข้อมูลความรู้ บริการทางการเงินทั้งสินเชื่อและประกันความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศ และเครือข่ายธุรกิจ ขณะที่ภาคีเครือข่ายพันธมิตรร่วมสนับสนุนการจัดกิจกรรม เพื่อยกระดับผู้ผลิตภาคการเกษตรให้ผันตัวเป็นผู้ส่งออกที่สามารถส่งมอบสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มไปยังผู้ซื้อในต่างประเทศ โดยเฉพาะใน CLMV และประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน ได้อย่างประสบความสำเร็จ ด้วยเครือข่ายทางธุรกิจที่เชื่อมโยงครบวงจร ตั้งแต่ผู้ผลิตถึงผู้ส่งออกและผู้ซื้อในต่างประเทศ ทั้งนี้ ในปี 2562 ที่ผ่านมาโครงการนี้ประสบความสำเร็จในการจับคู่ธุรกิจให้ผู้ประกอบการ SMEs ภาคการเกษตรส่งออกไปยังผู้ซื้อในต่างประเทศเป็นมูลค่าการส่งออกรวมกว่า 500 ล้านบาท นับเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อสร้างผู้ส่งออกรายใหม่ ควบคู่กับการส่งเสริมภาคการเกษตรไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนอย่างสมดุลและยั่งยืน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad