LDC มองภาพรวมธุรกิจทันตกรรมฟื้นคืนสู่สังเวียน หลังเดินหน้าขยายสาขา และปรับโครงสร้างธุรกิจหนุนปัจจุบันมีสาขาภายใต้การบริหารงานรวม 30 สาขา ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย พร้อมสร้างรายได้และกำไร เน้นโมเดลธุรกิจรูปแบบสแตนด์อโลนที่แข็งแกร่ง ไม่ขายแฟรนไชส์ ไม่มีสาขาในห้าง และฐานลูกค้าเป็นคนไทย 100% ด้านแม่ทัพใหญ่ “หมอหนึ่ง ทันตแพทย์วัฒนา ชัยวัฒน์” เผย ในปี 2563 – 2564 เดินหน้าต่อยอดการเติบโตในธุรกิจที่เชี่ยวชาญ มุ่งสู่ความยั่งยืน
ทันตแพทย์วัฒนา ชัยวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลดีซี เด็นทัล จำกัด (มหาชน) หรือ LDC ผู้ให้บริการศูนย์ทันตกรรมทันตแพทย์เฉพาะทางในนาม LDC Dental เปิดเผยว่า ปัจจุบัน LDC Dental มีเครือข่ายสาขาที่ครอบคลุมที่สุดในประเทศไทย ปัจจุบันเปิดให้บริการสาขาในกรุงเทพและปริมณฑลรวม 30 สาขาได้แก่ สาขาลาดพร้าว, รามคำแหง, รามอินทรา, แจ้งวัฒนะ, ศรีนครินทร์, อ่อนนุช, ราชพฤกษ์, รังสิต, เพชรเกษม, สายไหม, พระราม 2, งามวงศ์วาน, พระราม 5, บางใหญ่, นวมินทร์, สะพานใหม่, เสรีไทย, ถนนเพชรบุรี, รามอินทรา กม.10 และศาลายา สำหรับสาขาต่างจังหวัด ได้แก่ สาขามุกดาหาร, นครพนม, นครราชสีมา, มหาสารคาม, เชียงราย, อุบลราชธานี, เชียงใหม่, นครศรีธรรมราช, ลำปาง และอุดรธานี
ด้วยเหตุที่มีเครือข่ายทันตแพทย์เฉพาะทางที่ใหญ่ที่สุด บุคลากร 80% สำเร็จจากสถาบันทันตวัฒน์ เทคโนโลยีทันสมัยภายใต้วัสดุอุปกรณ์คุณภาพสูง (90%นำเข้าจากยุโรปและอเมริกา) ทำให้แบรนด์ LDC Dental ยังคงได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง แม้อัตราค่ารักษาจะค่อนข้างสูงตามมาตรฐานที่ได้รับระดับพรีเมียม
“ผมเชื่อมั่นว่าบริษัทฯ มาถูกทางแล้ว จากนี้ไปจะมุ่งสู่ความยั่งยืน เก็บเกี่ยวผลจากการลงทุนไปแล้วในห้วง 3-4 ปีก่อน โดยยังคงนโยบายไม่ทำแฟรนไชส์ ไม่เปิดสาขาในห้าง และเน้นฐานลูกค้าคนไทย 100% ต่อไป ที่ผ่านมาถือเป็นความท้าทายของบริษัทฯในการสร้างโมเดลธุรกิจ สร้างแบรนด์ LDC Dental ให้เกิดในประเทศ จึงเร่งขยายสาขาอย่างหนักให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค ส่งผลต่อมุมมองทางการเงินไม่น่าพึงพอใจนัก ทั้งนี้ในปี 2562 มี 2 เหตุการณ์สำคัญที่ผมว่าเราตัดสินใจได้ดี คือกลางปีเราตัดสินใจปิด LDC Dental สาขานครสวรรค์ และปลายปีตัดสินใจหยุดหน่วยธุรกิจท่องเที่ยว เนื่องจากผลประกอบการไม่เป็นไปตามเป้า ในช่วงต้นปี 2563 เกิดวิกฤติโควิดจึงไม่เป็นภาระต่อบริษัทฯมากนัก” ทันตแพทย์วัฒนา กล่าว
สำหรับวิกฤติการณ์โควิด-19 เป็นอีกบิ๊กมูฟเมนต์ของวงการทันตกรรม เกิดความตระหนักตื่นตัวในเรื่องความปลอดภัยในการทำฟัน อาจเป็นจุดเปลี่ยนของวงการ เป็นมาตรฐานใหม่ และอาจเป็นบททดสอบความยั่งยืนของธุรกิจทันตกรรมยุค New Normal ก็ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น