เสริมทัพด้วยรุ่นไฮบริดและยกระดับสมรรถนะสูงสุดให้แก่ พานาเมร่า (Panamera) - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2563

เสริมทัพด้วยรุ่นไฮบริดและยกระดับสมรรถนะสูงสุดให้แก่ พานาเมร่า (Panamera)


สตุ๊ทการ์ท. สะท้อนความแตกต่างอย่างเหนือระดับ ปอร์เช่ พานาเมร่า ใหม่ (The new Porsche Panamera) ถึงเวลาเติมเต็มทางเลือกที่หลากหลายผสมผสานสมรรถนะของรถสปอร์ตและความสะดวกสบายในรูปแบบรถสปอร์ตซาลูนสุดหรูด้วยพละกำลัง สูงสุดกว่า 630 แรงม้า (463 กิโลวัตต์) พานาเมร่า เทอร์โบ เอส (Panamera Turbo S) จึงกลายเป็นรถสปอร์ตซาลูนจากสายการผลิตปกติที่ถือได้ว่าให้สมรรถนะการขับขี่ดีเยี่ยมที่สุดในรถระดับเดียวกันเรือธง คันใหม่ของรุ่นมีการพัฒนาในหลายส่วนให้ดีขึ้นกว่า พานาเมร่า เทอร์โบ (Panamera Turbo) ในรุ่นก่อนหน้า ปอร์เช่ไม่ละเลยที่จะยกระดับตัวรถให้เหนือชั้นในเชิงของกลยุทธการพัฒนาด้าน E-Performance พานาเมร่า โฟร์เอส อี ไฮบริด (Panamera 4S E-Hybrid) คือรุ่นที่ได้รับการเปิดตัวเข้ามาเติมเต็มสายพันธุ์ plug-in hybrids ติดตั้งระบบขับเคลื่อนใหม่ให้พละกำลังสูงสุด 560 แรงม้า (412 กิโลวัตต์) เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น ไฮบริด ก่อนหน้า พบว่าพิสัยระยะการเดินทางด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียว เพิ่มขึ้นถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ความนุ่มนวล และความสปอร์ต คือประโยชน์ที่ได้รับจากการปรับปรุงชิ้นส่วนต่างๆ ของระบบช่วงล่างและระบบควบคุมการทำงานจนสามารถสัมผัสได้ ชัดเจน ยิ่งขึ้นเมื่อทำงานร่วมกับระบบควบคุมพวงมาลัย และยางรถยนต์สมรรถนะสูงเจเนอเรชันล่าสุด

เทอร์โบ เอส (Turbo S): อัตราเร่ง 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 3.1 วินาที
พละกำลังสูงสุดกว่า 630 แรงม้า (463 กิโลวัตต์) พร้อมแรงบิดมหาศาลถึง 820 นิวตันเมตร พานาเมร่า เทอร์โบ เอส (Panamera Turbo S) ให้แรงม้ามากขึ้นถึง 80 แรงม้า (59 กิโลวัตต์) และให้แรงบิดมากขึ้นถึง 50 นิวตันเมตร เมื่อเปรียบเทียบกับพานาเมร่า เทอร์โบ (Panamera Turbo) ขุมพลังสันดาปภายในรุ่นก่อนหน้า ผลลัพธ์คือสมรรถนะ การขับขี่ที่เหนือชั้นขึ้นไปอีกระดับ เมื่อเลือกใช้งาน Sport Plus mode รุ่นเทอร์โบ เอส (Turbo S) ให้อัตราเร่งจาก 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในระยะเวลาเพียง 3.1 วินาที การพัฒนาเกิดขึ้นใน Weissach และผลิตที่โรงงาน Zuffenhausen ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินขนาด 4.0 ลิตร V8 เทอร์โบคู่ ผ่านการปรับปรุงใหม่หมดจดแทบทุกจุดให้รถทำความเร็ว สูงสุดได้ถึง 315 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อให้สามารถถ่ายทอดกำลังมหาศาลลงสู่พื้นถนนได้อย่างเต็มที่ภายใต้การควบคุม ที่แม่นยำและให้ประสิทธิภาพในการเข้าโค้งอย่างไร้ที่ติ สิ่งที่ปอร์เช่นำมาใช้คือระบบช่วงล่างถุงลม three-chamber air suspension ระบบควบคุมการทรงตัว Porsche Active Suspension Management (PASM) และ roll stabilisation Porsche Dynamic Chassis Control Sport (PDCC Sport) รวมทั้งระบบ Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus) ทั้งหมดได้รับการปรับแต่งอย่างละเอียดเพื่อให้การตอบสนองที่เหมาะสมกับสมรรถนะของแต่ละรุ่น
ปอร์เช่ พานาเมร่า เทอร์โบ เอส ใหม่ (The new Porsche Panamera Turbo S) ผ่านบทพิสูจน์ในเชิง ของสมรรถนะการขับขี่ที่ไร้การประนีประนอมใดๆ มาเรียบร้อยแล้วจากการพิชิตสนามระดับตำนาน Nuerburgring Nordschleife: โดย Lars Kern นักขับทดสอบมือฉมังวิ่งรอบสนามซึ่งถือเป็นศาสดาของสนามแข่งแห่งหนึ่งในโลก ระยะทางรวม 20.832 กิโลเมตร ภายในระยะเวลา 7:29.81 นาที บันทึกสถิติใหม่อย่างเป็นทางการในประเภทรถยนต์ “executive cars”
เติมเต็มความสปอร์ต พร้อมความนุ่มนวล ด้วยระบบช่วงล่างปรับแต่งใหม่
เครื่องยนต์เบนซิน V8 เทอร์โบคู่ ใน พานาเมร่า จีทีเอส (Panamera GTS) ได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติม โดยเน้นไปที่พละกำลังสูงสุด ผลลัพธ์ที่ได้คือตัวเลข 480 แรงม้า (353 กิโลวัตต์) และแรงบิด 620 นิวตันเมตร พานาเมร่า จีทีเอส ใหม่ (The new Panamera GTS) ให้กำลังมากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 20 แรงม้า (15 กิโลวัตต์) โดยความแรงที่มากยิ่งขึ้นสามารถตอบสนองผู้ขับขี่ได้อย่างต่อเนื่อง จนใกล้เคียงกับรอบการทำงานสูงสุดของเครื่องยนต์ ซึ่งมีบุคลิกการทำงานที่คล้ายคลึงกับรถสปอร์ตสไตล์ดั้งเดิมที่ติดตั้งเครื่องยนต์ไร้ระบบอัดอากาศให้เสียงคำรามที่เปี่ยมไป ด้วยเอกลักษณ์ของเครื่องยนต์ V8 ที่สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งดุดันยิ่งกว่าที่เคยจนต้องยกประโยชน์ให้ระบบระบายไอเสีย sports exhaust ใหม่ ที่มาพร้อมหม้อพักท่อไอเสียท้ายแบบ asymmetrically positioned
ปอร์เช่ พานาเมร่า (Porsche Panamera) และ พานาเมร่า โฟร์ (Panamera 4) ประจำการด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.9-ลิตร V6 เทอร์โบคู่ ในทุกภูมิภาคที่วางจำหน่าย ให้พละกำลังสูงสุด 330 แรงม้า (243 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ตัวเลขสมรรถนะที่ทำได้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ช่วงล่างและระบบควบคุม ได้รับการปรับแต่งให้เกิดความสมดุลระหว่างการขับขี่ที่ดุดันสไตล์สปอร์ตและความนุ่มนวล สะดวกสบายอันเป็นคุณลักษณะเด่นที่สำคัญของ พานาเมร่า ใหม่ (The new Panamera) ในทุกรุ่น ถือเป็นครั้งแรก สำหรับบางระบบในการรีดศักยภาพการทำงานออกมาจนสมบูรณ์แบบ อาทิ ระบบ Porsche Active Suspension Management (PASM) ที่ผ่านการปรับปรุงจนสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความนุ่มนวลที่เพิ่มขึ้นขณะโดยสาร ขณะที่ ระบบ roll stabilisation Porsche Dynamic Chassis Control Sport (PDCC Sport) ได้รับการเพิ่มขีดความสามารถ ในด้านการควบคุม เพื่อให้มั่นใจในเสถียรภาพการทรงตัวทั้งหมดมีเพียงระบบควบคุมพวงมาลัยและยางรถยนต์ เท่านั้นที่เป็นอุปกรณ์ในเจเนอเรชันใหม่
เสริมทัพด้วยรุ่นไฮบริดและยกระดับสมรรถนะสูงสุดให้แก่ พานาเมร่า (Panamera)
4 เอส อี ไฮบริด (4S E-Hybrid) พร้อมแบตเตอรี่ 17.9 กิโลวัตต์ วิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ไกลสุด 54 กิโลเมตร
ปอร์เช่ นำเสนอนิยามใหม่ของยนตรกรรม plug-in hybrid เปี่ยมประสิทธิภาพ พานาเมร่า 4 เอส อี ไฮบริด ใหม่ (The new Panamera 4S E-Hybrid) ยานยนต์อัจฉริยะประสานพลังระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 136 แรงม้า (100 กิโลวัตต์) และเครื่องยนต์เบนซิน 2.9 ลิตร V6 เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 440 แรงม้า (324 กิโลวัตต์) เมื่อทำงานร่วม กันก่อให้เกิดความแรงระดับ 560 แรงม้า (412 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุดที่ 750 นิวตันเมตร ถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ PDK คลัทช์คู่ 8 จังหวะ ให้ผลตัวเลขสมรรถนะการขับขี่สุดแสนประทับใจเมื่อทำงาน ร่วมกับชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ Sport Chrono Package อัตราเร่งจาก 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ภายใน ระยะเวลาเพียง 3.7 วินาที ความเร็วสูงสุดกว่า 298 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความจุแบตเตอรี่ปรับเพิ่มขึ้นจาก 14.1 เป็น 17.9 กิโลวัตต์ เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้าการปรับปรุงเซลล์แบตเตอรี่และการทำงานของ driving modes ช่วยให้ ประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานดีขึ้น 4 เอส อี ไฮบริด (4S E-Hybrid) สามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ไกลสุดถึง 54 กิโลเมตร เมื่อทดสอบตามมาตรฐาน WLTP EAER City (มาตรฐาน NEDC: ทำได้สูงสุดที่ 64 กิโลเมตร)
ภาพลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว ปราดเปรียวเหนือระดับ
ปอร์เช่ พานาเมร่า ใหม่ (The new Porsche Panamera) นอกเหนือจากรุ่นสปอร์ตซาลูนยังเพิ่มทางเลือกในรูปแบบตัวถัง สปอร์ต ทัวริสโม (Sport Turismo) หรือรุ่นเอ็กเซ็คคูทีฟ (Executive) ฐานล้อยาว โดยขึ้นอยู่กับระบบขับเคลื่อน ในแต่ละรุ่นได้รับการติดตั้งชุดแต่งตัวถัง Sport Design ซึ่งเคยเป็นอุปกรณ์พิเศษในรุ่นที่แล้ว มาเป็นมาตรฐานครีบดักอากาศกันชนหน้าสุดเฉียบคม ช่องอากาศด้านข้างตัวถังขนาดใหญ่ และโคมไฟหน้าแบบ single-bar มุมมองด้านหน้าที่ใหม่หมดจดของ พานาเมร่า เทอร์โบ เอส (Panamera Turbo S) สร้างความแตกต่าง จากช่องดักอากาศด้านข้างที่ขยายใหญ่ขึ้นและชิ้นงานตกแต่งตัวถังภายนอกดีไซน์ใหม่พ่นสีเดียวกับตัวรถติดตั้งต่อเนื่อง ทุกชิ้นในแนวราบเน้นย้ำรูปทรงตัวรถให้ดูกว้างยิ่งขึ้นชุดไฟหน้าภายในโคมของรุ่น เทอร์โบ ได้รับการออกแบบให้แตกต่าง จากรุ่นอื่นแถบเรืองแสงท้ายรถปรับปรุงใหม่วางตำแหน่งต่อเนื่องแนบสนิทไปกับรูปทรงเหนือแนวฝากระโปรงท้ายเป็น จุดเชื่อมต่อสายตาเพิ่มความลื่นไหลระหว่างไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ทั้ง 2 ฝั่ง เสริมมาดสปอร์ตเต็มพิกัดในรุ่นจีทีเอส (GTS) ด้วยไฟท้ายรมดำเป็นอุปกรณ์มาตรฐานพร้อมฟังก์ชัน dynamic coming/leaving home เพิ่มทางเลือกในการตกแต่ง ด้วยล้ออัลลอยลวดลายใหม่ขนาด 20 และ 21 นิ้ว รวมเป็นล้ออัลลอยที่สามารถรองรับความต้องการได้ทั้งหมดกว่า 10 ดีไซน์
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ เสริมความปลอดภัย และความสะดวกสบาย
ปอร์เช่ พานาเมร่า (Porsche Panamera) ยกระดับระบบช่วยเหลือการขับขี่และระบบไฟส่องสว่างให้เหนือชั้นขึ้นไปอีกขั้น อาทิ อุปกรณ์มาตรฐานระบบ Lane Keeping Assist พร้อมระบบตรวจจับสัญญาณจราจร road sign recognition รวมทั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่เวลากลางคืน Night Vision Assist ระบบ Lane Change Assist ไฟหน้า LED matrix พร้อมระบบ PDLS Plus ระบบช่วยเตือนการจอด Park Assist ซึ่งรวมเอากล้องรอบคัน Surround View และการแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า head-up display
ราคาจำหน่าย
ปอร์เช่ พานาเมร่า ใหม่ (The new Porsche Panamera) ปอร์เช่ พานาเมร่า เทอร์โบ เอส ใหม่ (The new Porsche Panamera Turbo S) ปอร์เช่ พานาเมร่า เทอร์โบ ใหม่ (The new Porsche Panamera Turbo) ปอร์เช่ พานาเมร่า จีทีเอส ใหม่ (The new Porsche Panamera GTS) และปอร์เช่ พานาเมร่า โฟร์เอส อี ไฮบริด ใหม่ (The new Porsche Panamera 4S E-Hybrid) พร้อมรับคำสั่งซื้อแล้ววันนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูม ปอร์เช่ เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ทุกสาขา พบกับข้อมูลข่าวสาร สื่อภาพยนต์และภายถ่ายอื่นๆ ได้ที่ Porsche Newroom:newsroom.porsche.com
อัตราการการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยและอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้รับการตรวจสอบตามมาตรฐาน สากลที่สอดคล้องกับวิธีการ Light Vehicle Test Procedure (WLTP) ล่าสุดสำหรับค่าการตรวจวัด อัตราการบริโภคตาม มาตรฐาน NEDC ที่ระบุในบทความนี้ ใช้อ้างอิงได้เฉพาะสภาพการทดสอบในช่วงเวลาเดียวเท่านั้นไม่สามารถ นำมาเปรียบเทียบกับค่าการตรวจวัดอัตราการบริโภคของ NEDC ที่ได้จากวิธีการอื่นใดก่อนหน้าการทดสอบนี้
สำหรับข้อมูลอย่างเป็นทางการของผลทดสอบอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยและอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนได ออกไซด์ในรถยนต์รุ่นใหม่อื่นๆ สามารถค้นหาได้จากเอกสาร “Guidelines on fuel consumption, CO2 emissions and power consumption of new passenger cars” [Leitfaden ueber den Kraftstoffverbrauch, die CO2-Emissionen und den Stromverbrauch neuer Personenkraftwagen], ผ่านตัวแทนจำหน่ายและสถาบัน Deutsche Automobil Treuhand GmbH (DAT) โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
เกี่ยวกับ AAS Auto Service
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่าง เป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการ ทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 12 คน ซึ่งถือว่ามี จำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์ปอร์เช่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 13 ประเทศ สะท้อนให้เห็นถึง ความสำคัญ ในเรื่องการให้บริการหลังการขาย โดย เอเอเอส ทุ่มงบการอบรมวิศวกร ของเราให้มีคุณภาพสูงสุด ตามนโยบาย หลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า “AAS The Name you can Trust” ซึ่งพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินงานมากกว่า 30 ปี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad