แดเนียล จาง ประธานกรรมการ อาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวถึงความสำเร็จของมหกรรมช้อปปิ้ง11.11 ปี 2563 - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

แดเนียล จาง ประธานกรรมการ อาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวถึงความสำเร็จของมหกรรมช้อปปิ้ง11.11 ปี 2563

 


      

            แดเนียล จาง ประธานกรรมการ อาลีบาบา กรุ๊ป

กล่าวถึงความสำเร็จของมหกรรมช้อปปิ้ง11.11 ปี 2563

 

มหกรรมช้อปปิ้ง 11.11 เริ่มต้นขึ้นครั้งแรกในปี 2552และจัดขึ้นเพียงหนึ่งวัน โดยมีผู้ขายเข้าร่วมเพียง 27รายเท่านั้น แต่ต่อมาได้พัฒนาจนกลายมาเป็นมหกรรมช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งในปีนี้ได้ขยายระยะเวลาจัดงานเป็น 11 วันเป็นครั้งแรก ผู้ขายที่เข้าร่วมงานยังได้รับโอกาสมากขึ้นจากหน้าต่างช้อปปิ้งที่เพิ่มขึ้นเป็นสองหน้า โดยหน้าแรกใช้ในระหว่างวันที่ 1-3พฤศจิกายน ส่วนหน้าที่สองเปิดตัวในวันที่ 11พฤศจิกายน เพื่อช่วยเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์ต่างๆในการฟื้นตัวหลังโควิด-19

 

การเพิ่มวันจัดงาน ทำให้ยอดขายในปีนี้ทำสถิติรวมทั้งสิ้น 498,200 ล้านหยวน (ราว 2,278,000 ล้านบาท) ซึ่งรวบรวมจากยอดขายทุกช่องทาง (GMV) ในช่วงการจัดงานตั้งแต่วันที่ 1-11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ถือเป็นการเติบโตขึ้น 26% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 และเป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในรอบ3 ปี

 

ในระหว่างการสัมมนา ในงาน 2020 Observing China Forum นายแดเนียล จาง ประธานกรรมการของอาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวถึงมหกรรม 11.11 ว่า “รูปแบบใหม่ของมหกรรม 11.11 ถือเป็นสิ่งที่ดี หลังจากที่งานนี้ได้จัดต่อเนื่องมา 11 ปี จนมาถึงครั้งที่ 12 ถือเป็นโอกาสที่เราจะได้เริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ โดยขยายงานเป็น 11 วัน ซึ่งเราสังเกตุเห็นว่าผู้บริโภคมีการซื้อสินค้าหลายครั้งในช่วงแคมเปญ และยังเพิ่มการซื้อสินค้าในหลายประเภทมากขึ้น ในขณะเดียวกันผู้ขายและธุรกิจก็เฝ้ารองาน 11.11 เนื่องจากจะเป็นโอกาสในการฟื้นตัวและสร้างการเติบโตอีกครั้ง”



นายแดเนียล กล่าวด้วยว่า งานในปีนี้ มีแบรนด์มากกว่า470 แบรนด์ที่ทำยอดขายจากทุกช่องทางได้เกิน 100ล้านหยวน การเพิ่มวันในการจัดงานยังช่วยให้ระบบโลจิสติกส์และการชำระเงินมีความราบรื่นมากขึ้น เพราะคำสั่งซื้อไม่ได้เข้ามาพร้อมกันหมดในวันเดียว

 

ตั้งเป้าพัฒนามหกรรม 11.11 ให้มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ทุกปี

นายแดเนียล อธิบายว่า “อาลีบาบาได้ปรับเปลี่ยนมหกรรม 11.11 อยู่เสมอเพื่อให้ทันกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะในปีนี้ อาลีบาบาต้องการจัดงานช้อปปิ้งที่ไม่เหมือนใคร ดังนั้นรูปแบบงานจึงต้องเปลี่ยนแปลงไป ในด้านหนึ่งเราต้องการเพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างสูงสุด ในขณะเดียวกันเราก็ต้องการที่จะสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภค และสร้างประสบการณ์ที่ดีและน่าจดจำยิ่งขึ้น”

 

โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่แข็งแกร่งของอาลีบาบาเป็นส่วนสำคัญที่ขับเคลื่อนมหกรรม 11.11 ให้มีการพัฒนาและเติบโตอย่างต่อเนื่อง การนำทรัพยากรในอีโคซิสเท็มทั้งหมดของอาลีบาบามาใช้ทำให้บริษัทสามารถจัดการคำสั่งซื้อจำนวนมหาศาล ที่ทำสถิติสูงสุดต่อวินาทีที่ 583,000 คำสั่งซื้อต่อ 1 วินาทีได้อย่างราบรื่น ส่วนเครือข่ายขนส่งของไช่เหนียว ได้ขนส่งพัสดุมากกว่า 2,320 ล้านชิ้นตามคำสั่งซื้อทั้งหมดในช่วง 11 วันของงาน ไลฟ์สตรีมยังเป็นหนึ่งในเครื่องมือดิจิทัลที่ขาดไม่ได้ของมหกรรมในปีนี้ ที่สร้างประสบการณ์และการมีส่วนร่วมของทั้งฝั่งผู้บริโภคและผู้ขาย

 

“ผู้บริโภคที่เป็นคนรุ่นใหม่มีจำนวนเพิ่มขึ้น และไลฟ์สไตล์ในการช้อปปิ้งของลูกค้าก็เด็กลงเรื่อยๆ ดังนั้นเราเชื่อว่ามหกรรม 11.11 จะต้องมีการพัฒนาด้านความบันเทิงและการสร้างแรงบันดาลใจมากขึ้น เพื่อให้ทันกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งในส่วนนี้เราจะค้นหานวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง” นายแดเนียล กล่าว

 

ช่วยสนับสนุนแบรนด์สู่ความสำเร็

มีแบรนด์ที่เข้าร่วมงานในปีนี้ทั้งหมด 250,000 แบรนด์ ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีแบรนด์ใหญ่ๆ เช่น แอปเปิ้ล ลอรีอัล และไนกี้ แต่มหกรรม 11.11 ก็เป็นโอกาสของแบรนด์เกิดใหม่ในการโปรโมทและเข้าถึงลูกค้า จนทำให้ในปีนี้มีแบรนด์เกิดใหม่ 357 แบรนด์ กลายเป็นแบรนด์ที่ทำยอดขายได้สูงสุดในงาน 11.11 ในหมวดหมู่ของตนเอง

 

นายแดเนียล กล่าวว่า ลักษณะเด่นของแบรนด์เกิดใหม่ที่ประสบความสำเร็จ คือการทำสินค้าที่ใช้มีประโยชน์ได้จริง มีคุณภาพ และมีจุดขายที่แตกต่าง แบรนด์เหล่านี้ยังเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของตนโดยตรง นอกจากนี้ยังไม่แค่ใช้แพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อขายสินค้าเท่านั้น แต่ยังใช้เป็นช่องทางในการให้ความรู้และสื่อสารกับผู้บริโภคด้วย แบรนด์ที่มีคุณลักษณะแบบนี้คือแบรนด์ที่ใช้ประโยชน์จากเครื่องมือและทรัพยากรต่างๆ ที่อาลีบาบามีให้อย่างสูงสุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad