ผลสำรวจพบว่า ไฮบริดคลาวด์ ขึ้นแท่นเป็นระบบคลาวด์
ที่ตอบโจทย์ความต้องการทางธุรกิ
การแพร่ระบาดส่งผลให้ทั่วโลกเห็
กรุงเทพฯ - 30 พฤศจิกายน 2563 - นูทานิคซ์ (NASDAQ: NTNX) ผู้นำด้านไฮบริดคลาวด์คอมพิวติ้
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้โฟกัสด้านไอทีขององค์
เกือบ 76% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า การแพร่ระบาดครั้งนี้ ทำให้พวกเขาให้ความสนใจใช้ไอที
ผลสำรวจสำคัญอื่น ๆ จากรายงานปีนี้
- องค์กรต่าง ๆ ดำเนินการตามขั้นตอนสำคัญเพื่
อเดินสู่เป้าหมายในการใช้รู ปแบบการทำงานด้านไอทีที่ เหมาะสมที่สุด: ผู้ตอบแบบสอบถามทั่วโลกรายงานถึ งขั้นตอนสำคัญแรกเริ่มสู่ ความสำเร็จในการใช้ไฮบริดคลาวด์ ซึ่งรวมถึงการใช้โครงสร้างพื้ นฐานแบบไฮเปอร์คอนเวิร์จในดาต้ าเซ็นเตอร์ และกระบวนการยกเลิกการใช้ดาต้ าเซ็นเตอร์ที่ไม่ได้เป็ นระบบคลาวด์เพื่อใช้ไพรเวทและพั บลิคคลาวด์ ทีมไอทีทั่วโลกกำลังวางแผนเปลี่ ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานอย่างจริ งจัง โดยได้คาดการณ์ว่าการใช้ไฮบริ ดคลาวด์โดยเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้ นมากกว่า 37 จุดตลอดช่วงเวลาห้าปีต่อจากนี้ และจะมีดาต้าเซ็นเตอร์ที่ไม่ได้ ใช้คลาวด์ลดลง 15 จุด ผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า เกือบ 26% ของโครงสร้างพื้นฐานที่โดดเด่ นและใช้บ่อยกว่าประเภทอื่น คือการใช้งานแบบผสมผสานกันระหว่ างไพรเวทคลาวด์ พับลิคคลาวด์ และดาต้าเซ็นเตอร์แบบดั้งเดิม ซึ่งดูเหมือนเป็นสั ญญาณของการเริ่มต้นใช้ไฮบริ ดคลาวด์
- แม้จะผ่านช่วงวิกฤตของโควิ
ดมาแล้ว แต่ผลสำรวจพบว่าบริษัทต่าง ๆ ยังคงวางแผนเรื่ องการทำงานจากระยะไกลอย่างต่ อเนื่อง: ข้อมูลเปรียบเทียบต่อไปนี้ แสดงให้เห็นว่ายังจะมีพนั กงานทำงานจากบ้านเป็นจำนวนมาก
- ผลสำรวจปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดโควิด-19 พบว่าองค์กรที่ตอบแบบสอบถาม 27% ตอบว่าพนักงานขององค์กรเข้
าทำงานที่สำนักงานทั้งหมดโดยไม่ มีพนักงานทำงานจากที่บ้าน - แต่ผลสำรวจปี 2563 พบว่ามีเพียง 7% ของผู้ตอบแบบสอบถามเท่านั้นที่
ยังคงตอบเช่นนี้ (ตัวเลขร่วงลงมา 20 จุดจากผลสำรวจของปี 2562) จากการที่มี การทำงานจากระยะไกลมากขึ้น เนื่องมาจากการระบาดของโควิด-19 - ผู้ตอบแบบสอบถามคาดว่าภายในปี 2565 การทำงานจากระยะไกลจะลดลงจากปี 2563 โดยคาดว่าจะมีบริษัทเฉลี่ย 13% ไม่มีพนักงานทำงานจากที่บ้าน อย่างไรก็ตามตัวเลขก็ยังอยู่
ในอัตราที่น้อยกว่าก่อนเกิดโควิ ด-19
ผลสำรวจยังมีข้อมูลที่สอดคล้
- ผลลัพธ์ทางธุรกิจเชิงกลยุทธ์ เป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเปลี่
ยนแปลงในวันนี้ ไม่ใช่สภาพเศรษฐกิจ: ผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า แรงจูงใจหลัก ๆ ในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้ นฐานไอที คือการควบคุมทรัพยากรไอทีได้อย่ างเต็มที่ (58%) ความยืดหยุ่นที่ สามารถตอบสนองความต้องการทางธุ รกิจที่ไม่หยุดนิ่ง (55%) และการเพิ่มประสิทธิภาพในการสนั บสนุนลูกค้าและพนักงานได้ จากระยะไกล (46%) และในทางกลับกันมีเพียง 27% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่ระบุว่ าการลดค่าใช้จ่ายเป็นหนึ่งในปั จจัยที่ขับเคลื่อนการเปลี่ ยนแปลง
- นักการศึกษาเผชิญความท้
าทายและความต้องการที่มีลั กษณะเฉพาะ ที่เกี่ยวเนื่องกับโควิด-19: ผู้ตอบแบบสอบถามที่อยู่ ในภาคการศึกษาจำนวนมากกล่าวว่า“ความมั่นใจว่าบุคลากรที่ ทำงานจากระยะไกลมีฮาร์ดแวร์ที่ เพียงพอ” เป็นความท้าทายที่สำคัญมากกว่ าเรื่องอื่น ในขณะที่ 47% กล่าวว่า “ช่องทางการสื่อสารที่เพี ยงพอและเหมาะสมระหว่างพนักงาน ลูกค้า และ ผู้ใช้บริการ” เป็นความท้าทายที่อยู่ในลำดับต้ น ๆ ทั้งนี้ผลสำรวจพบว่าภาคการศึ กษากำลังก้าวตามขั้นตอนที่ถูกต้ องสู่การเปลี่ยนแปลง โดยมีการใช้ไพรเวทคลาวด์ในระดั บสูง และผู้ตอบแบบสอบถาม 29% ระบุว่า พวกเขากำลังใช้ไพรเวทคลาวด์เพี ยงระบบเดียว (สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 22%)
นางเวนดี้ เอ็ม. ไฟเฟอร์ หัวหน้าผู้บริหารฝ่ายเทคโนโลยี
แวนสัน บอร์น ทำการสำรวจนี้ในนามของนูทานิคซ์
ท่านสามารถดาวน์โหลดรายงานดัชนี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น