ฮอนด้า เปิดตัว “เดอะ ซิตี้ แฮทช์แบ็ก” ครั้งแรกในโลก และ “ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่” ยนตรกรรม Full Hybrid พร้อมเติมเต็มไลน์อัป “เดอะ ซิตี้ ซีรีส์” - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ฮอนด้า เปิดตัว “เดอะ ซิตี้ แฮทช์แบ็ก” ครั้งแรกในโลก และ “ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่” ยนตรกรรม Full Hybrid พร้อมเติมเต็มไลน์อัป “เดอะ ซิตี้ ซีรีส์”

ฮอนด้า เปิดตัว


ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่

  • ครั้งแรกในโลกกับการเผยโฉมฮอนด้า ซิตี้ ในรูปแบบ 5 ประตู กับ ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ ที่ประเทศไทย ผสานเอกลักษณ์ความอเนกประสงค์กับเบาะนั่ง อัลตราซีท (ULTR) และการขับขี่ที่สนุกสนานกับ ขุมพลังเทอร์โบ เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO ให้สมรรถนะการขับขี่สูงถึง 122 แรงม้า แรงบิด 173 นิวตัน-เมตร และประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมถึง 23.3 กิโลเมตร/ลิตร มาพร้อมดีไซน์สปอร์ตล้ำสมัย ทั้งภายนอกและภายใน พร้อมยกระดับความสปอร์ตอีกขั้นในรุ่น RS ครบครันด้วยฟังก์ชันที่พร้อมตอบรับทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานระดับพรีเมียม และเทคโนโลยีเชื่อมต่อรถยนต์และทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน Honda CONNECT พร้อมด้วยมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อความมั่นใจในทุกการเดินทาง อาทิ กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ ถุงลม 6 ตำแหน่ง เป็นต้น

ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ (e:HEV)

  • ยนตรกรรม Full Hybrid รุ่นแรกของเซกเมนต์ซิตี้คาร์ในประเทศไทย ที่มาพร้อมเทคโนโลยีการขับเคลื่อน Sport Hybrid i-MMD ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน เป็นระบบ Full Hybrid ที่ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0 - 3,000 รอบต่อนาที ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 27.8 กิโลเมตร/ลิตร และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 85 กรัม/กิโลเมตร พร้อมเพิ่มความมั่นใจในทุกการขับขี่กับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ "ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง" (Honda SENSING) ดีไซน์สปอร์ตโดดเด่น ด้วยชุดแต่งสไตล์ RS เสริมเอกลักษณ์เฉพาะของความเป็นไฮบริดด้วยโลโก้ฮอนด้าสีฟ้า (H Mark) และโลโก้ e:HEV ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบายในทุกมิติ ครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยและฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม

มร.มาซายูคิ อิงาราชิ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ งานปฏิบัติการประจำภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น และประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า "ฮอนด้า มุ่งมั่นพัฒนาและนำเสนอยนตรกรรมเพื่อตอบสนองผู้คนทั่วโลกด้วยการส่งมอบความสุขและเพิ่มศักยภาพในการใช้ชีวิต ตามแนวทางวิสัยทัศน์ 2030 โดยมีเป้าหมายภายใต้ 2 ทิศทางหลัก ได้แก่ ด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อก้าวไปสู่สังคมปลอดมลพิษ (Carbon-free Society) โดยจะทำการสื่อสารถึงเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงที่ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ของฮอนด้า ทั้งรถจักรยานยนต์ รถยนต์ เครื่องยนต์อเนกประสงค์ และเทคโนโลยีในการจัดการพลังงานต่าง ๆ ภายใต้ ฮอนด้า อี:เทคโนโลยี (Honda e:TECHONOLOGY) สำหรับยนตรกรรมที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนไฮบริดจะได้รับการสื่อสารภายใต้ชื่อ อี:เอชอีวี (e:HEV) และด้านความปลอดภัย เพื่อก้าวไปสู่สังคมปลอดอุบัติเหตุ (Collision-free Society) โดยได้ขยายการติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ทั่วโลก โดยวันนี้ ฮอนด้า จะนำเอาเทคโนโลยีเหล่านี้ที่อยู่ในยนตรกรรมกลุ่มพรีเมียมมาสู่ ฮอนด้า ซิตี้ ยนตรกรรมรุ่นยอดนิยมที่ครองใจผู้ใช้ทั้งในประเทศไทย และหลายประเทศทั่วโลกในทุกเจเนอเรชันมากว่า 20 ปี เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัส"

นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า "ฮอนด้า ซิตี้ เป็นหนึ่งในโมเดลสำคัญของฮอนด้าในไทยที่ได้รับความนิยมจากลูกค้า จนสามารถครองตำแหน่งผู้นำในตลาดซับคอมแพคท์ในประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกับฮอนด้า ซิตี้ เจเนอเรชันที่ 5 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่แนะนำเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.0 ลิตร เข้าสู่ตลาด และได้รับกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมด้วยยอดจำหน่ายและยอดจองรวมกว่า 35,000 คัน ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งปีหลังเปิดตัว ในครั้งนี้ ฮอนด้า ซิตี้ จะกลับมาสร้างปรากฏการณ์และยกระดับมาตรฐานใหม่ให้กับรถซิตี้คาร์อีกครั้ง ด้วยการแนะนำ ฮอนด้า ซิตี้ 2 รุ่นใหม่ คือ ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ ที่มาพร้อมดีไซน์สปอร์ต สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง และฟังก์ชันการใช้งานอเนกประสงค์ที่เป็นเอกลักษณ์ของฮอนด้า และ ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ ยนตรกรรม Full Hybrid รุ่นแรกของเซกเมนต์ซิตี้คาร์ ที่มาพร้อมระบบ Sport Hybrid i-MMD และเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) และทั้ง 2 รุ่นนี้ จะมาช่วยเติมเต็มไลน์อัปภายใต้ เดอะ ซิตี้ ซีรีส์ ให้สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และช่วยทำให้ศักยภาพในการทำตลาดของฮอนด้าในเซกเมนต์ซิตี้คาร์แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น"

พิเศษสำหรับลูกค้าที่สนใจ สามารถสัมผัส ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ ที่จัดแสดง ณ ลานกิจกรรมชั้น G ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ ตั้งแต่วันที่ 24 - 26 พฤศจิกายน 2563 และสามารถติดต่อที่ปรึกษาการขายได้ ณ บริเวณงาน หลังจากนั้นสามารถสัมผัส เดอะ ซิตี้ ซีรีส์ ใหม่ ทั้ง 2 รุ่น ได้ที่บูทฮอนด้า A14 ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 37 (Motor Expo 2020) ตั้งแต่วันที่ 2 - 13 ธันวาคม 2563 ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี และสัมผัส ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 และพบกับฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ ได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2564 เป็นต้นไป

สำหรับลูกค้าที่จอง ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 - 31 มกราคม 2564 และรับรถภายในวันที่ 31 มกราคม 2564 จะได้รับหูฟัง Skullcandy True Wireless Earbuds รุ่น Sesh Evo สี Deep Red มูลค่า 3,590 บาท และ Honda Jacket มูลค่า 500 บาท* และสำหรับลูกค้าที่จอง ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 - 31 ธันวาคม 2563 และรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2563 จะได้รับ Fitbit Smart Tracker รุ่น Charge 3 สี Graphite/Black มูลค่า 6,490 บาท และ Honda Jacket มูลค่า
500 บาท*

ลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลกับที่ปรึกษาการขายผ่าน Honda Virtual Experience ที่ virtualexperience.honda.co.th หรือที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร 0 2341 7777 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.honda.co.th/cityhatchback และ www.honda.co.th/cityehev โดยสามารถลงทะเบียนเพื่อทดลองขับผ่านทาง www.honda.co.th/testdrive

ครั้งแรกในโลกกับ ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ มูฟทุกโมเมนต์ไปพร้อมความสปอร์ตที่ลงตัวกับทุกการใช้งานด้วยเบาะนั่ง อัลตรา ซีท

ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ เปิดตัวครั้งแรกในโลกโดยนำเอาเอกลักษณ์ความสปอร์ตพรีเมียมแฮทช์แบ็กมาอยู่ในยนตรกรรมซิตี้คาร์ยอดนิยม มาพร้อมดีไซน์ภายนอกที่สปอร์ตโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นในสไตล์แฮทช์แบ็ก โดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED กระจังหน้าแบบโครเมียม เสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว ภายในห้องโดยสารหรูหราสวยงามในโทนสีดำ มาพร้อมเบาะหนัง (เฉพาะรุ่น SV) คอนโซลหน้าแบบ Piano Black มือจับเปิดประตูด้านในตกแต่งโครเมียม ตอบสนองทุกการขับขี่ด้วยฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม อาทิ หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ พร้อมมาตรวัดเรืองแสง ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ เป็นต้น

รองรับไลฟ์สไตล์ในแบบของตัวเองด้วยเบาะนั่ง อัลตรา ซีท (ULTR) แยกพับแบบ 60:40 ที่ปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ได้ถึง 4 โหมด พร้อมห้องสัมภาระท้ายขนาดใหญ่ อันเป็นเอกลักษณ์ของฮอนด้า ได้แก่

  • Utility Mode: เบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้านปรับพับเรียบ เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลัง
  • Long Mode: เบาะด้านหน้าและด้านหลังปรับพับ เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว
  • Tall Mode: เบาะด้านหลังพับขึ้น เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวสูง
  • Refresh Mode: เบาะด้านหน้าพับเชื่อมต่อกับเบาะด้านหลัง สร้างพื้นที่ผ่อนคลายสะดวกสบายสูงสุด

สปอร์ตยิ่งขึ้นกับ ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ รุ่น RS ด้วยชุดแต่งสไตล์สปอร์ตแบบ RS รอบคัน โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบ Gloss Black และสัญลักษณ์ RS มาพร้อมกันชนหน้าและกระจังหน้าสไตล์สปอร์ต ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกแบบ LED กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ตปรับและพับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวในตัว สปอยเลอร์หลังตกแต่งสีดำแบบสปอร์ต พร้อมสัญลักษณ์ RS และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว ภายในห้องโดยสารสะท้อนความสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยเบาะหนังกลับดีไซน์ใหม่ตกแต่งแถบสีแดง มาพร้อมพนักเท้าแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้ว สะกดสายตาด้วยหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ พร้อมมาตรวัดเรืองแสงสีแดง อีกทั้งเทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) และดึงดูดทุกสายตาด้วยสีภายนอก สีแดงอิกไนต์ (Ignite Red) เฉพาะรุ่น RS

ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเทอร์โบเครื่องยนต์ขนาด 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 - 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 23.3 กิโลเมตร/ลิตร ตอบสนองทุกการขับขี่ด้วยระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด สะดวกสบายด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ โดยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานไอเสียยูโร 5 (EURO 5) ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 100 กรัม/กิโลเมตร และสามารถรองรับน้ำมัน E20 ครบครันด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย ด้วยโครงสร้างตัวถังนิรภัย G-Force Control หรือ G-CON ปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทางด้วยถุงลม 6 ตำแหน่ง ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist - VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist - HSA) และกล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) เป็นต้น

ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่

  • รุ่น RS ราคา 749,000 บาท
  • รุ่น SV ราคา 675,000 บาท
  • รุ่น S+ ราคา 599,000 บาท

และมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น RS สีใหม่ สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) พร้อมด้วย สีขาวแพลทินัม (มุก) เฉพาะรุ่น RS และ SV สีดำคริสตัล (มุก) สีเทาโซนิค (มุก) และสีขาวทาฟเฟต้า เฉพาะรุ่น S+

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ ได้ที่ www.honda.co.th/cityhatchback

เสริมความสปอร์ตในสไตล์คุณไปอีกขั้นด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล (Modulo) รอบคัน ที่มาพร้อมกับแนวคิด "Stage Up Booster" โดยมีไอเท็มอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือก เช่น ชุดตกแต่งสปอยเลอร์หลัง ราคา 5,500 บาท คิ้วตกแต่งซุ้มล้อด้านหน้า ราคา 1,700 บาท แผงครอบกันรอยขอบห้องสัมภาระ ราคา 900 บาท สติกเกอร์ตกแต่งล้ออัลลอย ราคา 320 บาท (ราคาต่อ 1 ชุดมี 4 ชิ้น) ไฟตัดหมอกแบบ LED ราคา 5,500 บาท และกล้องหน้ารถ ราคา 3,850 บาท

นอกจากนี้ยังมีให้เลือกในรูปแบบแพ็กเกจ ทั้งหมด 2 แพ็กเกจ ได้แก่

Modulo Aero Package ราคา 16,900 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า แบบ 2 ชิ้น สเกิร์ตข้าง และสเกิร์ตหลัง แบบ 2 ชิ้น
Modulo Aero Sport Package ราคา 21,500 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า แบบ 2 ชิ้น สเกิร์ตข้าง สเกิร์ตหลัง แบบ 2 ชิ้น และ ชุดตกแต่งสปอยเลอร์หลัง

หมายเหตุ

  • อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่น
  • สีขาวแพลทินัม (มุก) เพิ่ม 10,000 บาท
  • สีดำคริสตัล (มุก) และสีเทาโซนิค (มุก) เพิ่ม 6,000 บาท
  • ราคาแพ็กเกจชุดแต่งโมดูโล ไม่รวม VAT 7%
  • ดูรายละเอียดอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมได้ที่ https://hondaaccess.co.th/line-up/honda-city-hatchback

เปิดโลกใบใหม่แห่งการขับขี่กับ ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ (e:HEV) ครั้งแรกของซิตี้คาร์ Full Hybrid ในประเทศไทย ที่มาพร้อมเทคโนโลยีการขับเคลื่อนและความปลอดภัยที่เกินคลาส

ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ (e:HEV) ยนตรกรรม Full Hybrid รุ่นแรกของเซกเมนต์ซิตี้คาร์ ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) ซึ่งผสานการทำงานอันทรงพลังของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ซึ่งเป็นระบบ Full Hybrid ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0 - 3,000 รอบต่อนาที ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 27.8 กิโลเมตร/ลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 85 กรัม/กิโลเมตร สามารถรองรับน้ำมัน E20

พุ่งทะยานได้อย่างมั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING)

  • ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC)
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
  • มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัยเพื่อความมั่นใจในทุกการเดินทาง เช่น ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) และเทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เป็นต้น

เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ มาพร้อมการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง พร้อมด้วยโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ด้วยการขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่โดยเพิ่มระยะเวลาอีก 2 ปี หรือระยะทาง 40,000 กิโลเมตร สูงสุด 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) พร้อมด้วยบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ 24 ชั่วโมง (Honda 24hr Roadside Assistance) อีกทั้งฟรีค่าแรงในการเช็กระยะเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่บ่งบอกความเป็นยนตรกรรมไฮบริดที่ชัดเจนด้วยโลโก้ฮอนด้าสีฟ้า (H Mark) และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย และเสริมความสปอร์ตในสไตล์ RS รอบคัน ด้วยกระจังหน้าและสปอยเลอร์หลังแบบ Gloss Black ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ตพร้อมไฟเลี้ยวในตัว มาพร้อมล้ออัลลอย 16 นิ้วดีไซน์สปอร์ต ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบายในทุกมิติ มาพร้อมเบาะหนังกลับดีไซน์สปอร์ตตกแต่งด้วยด้ายสีแดง ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม เช่น ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และช่องปรับอากาศตอนหลัง พร้อมช่องจ่ายไฟสำรอง 2 ตำแหน่ง มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay พร้อม Google Maps พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI และระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start) เป็นต้น

ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ รุ่น e:HEV RS ราคา 839,000 บาท มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีใหม่ สีน้ำเงินออบซิเดียน (มุก) สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) สีขาวแพลทินัม (มุก) สีดำคริสตัล (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก)

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ ได้ที่ www.honda.co.th/cityehev

เสริมความพรีเมียมด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล (Modulo) รอบคัน ที่มาพร้อมกับแนวคิด "Stage Up Booster" โดยมีไอเท็มอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือก เช่น คิ้วตกแต่งซุ้มล้อด้านหน้า ราคา 1,700 บาท คิ้วบันไดสเตนเลส LED ราคา 4,400 บาท รวมทั้งอุปกรณ์เพิ่มอรรถประโยชน์ใช้สอยในห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ เช่น กระบะใส่ของท้ายรถ ราคา 1,250 บาท

นอกจากนี้ ยังมีให้เลือกในรูปแบบแพ็กเกจชุดแต่งรอบคัน กับ Modulo Aero RS Package ราคา 17,900 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า แบบ 2 ชิ้น สเกิร์ตข้าง และสเกิร์ตหลัง แบบ 2 ชิ้น

หมายเหตุ

  • อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่น
  • สีขาวแพลทินัม (มุก) เพิ่ม 10,000 บาท
  • สีน้ำเงินออบซิเดียน (มุก) และสีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 6,000 บาท
  • ราคาแพ็กเกจชุดแต่งโมดูโล ไม่รวม VAT 7%
  • ดูรายละเอียดอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมได้ที่ https://hondaaccess.co.th/line-up/honda-city-hev

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad