ธนาคารทิสโก้เปิดกลยุทธ์ลงทุน สร้างกำไร ปี 64 ชี้ตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่ จีน และนวัตกรรมทางการแพทย์น่าสนใจ - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2564

ธนาคารทิสโก้เปิดกลยุทธ์ลงทุน สร้างกำไร ปี 64 ชี้ตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่ จีน และนวัตกรรมทางการแพทย์น่าสนใจ


ธนาคารทิสโก้เปิดกลยุทธ์ลงทุน สร้างกำไร ปี 64 ชี้ตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่ จีน และนวัตกรรมทางการแพทย์น่าสนใจ

 ธนาคารทิสโก้ชี้ปีนี้ตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่ จีน น่าสนใจรับกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าช้อนซื้อหุ้นวัฏจักร พร้อมแนะลงทุนหุ้นธีมนวัตกรรมทางการแพทย์ หรือ Healthcare Innovation แทนหุ้นกลุ่มธุรกิจการแพทย์แบบดั้งเดิม (Traditional Healthcare) คาดมีโอกาสเติบโตดีตามความนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง

นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสที่ปรึกษาการลงทุนทิสโก้เวลธ์ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (Mr.Nattakrit Laotaweesap, Head Of Wealth Advisory of TISCO Bank Public Company Limited) เปิดเผยว่า หลังจากปีที่ผ่านมาลูกค้าเวลธ์ของธนาคารทิสโก้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนตามคำแนะนำประมาณ 65.71% นั้น เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้ธนาคารทิสโก้ได้แนะนำให้ลูกค้าเวลธ์มองหาโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่ (EM) โดยเฉพาะประเทศจีน เพราะเศรษฐกิจฟื้นตัวดีและมีหุ้นวัฎจักรที่ได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้นตัวอยู่ในดัชนีมากกว่าประเทศอื่นๆ

“คำแนะนำการลงทุนในตลาดหุ้นในปีนี้ หากเปรียบเทียบการลงทุนในตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว (DM) ประเทศเกิดใหม่ (EM) ธนาคารทิสโก้มองว่าตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่น่าสนใจกว่า เนื่องจาก ตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้วน่าจะมีโอกาสการปรับขึ้นได้จำกัดมากขึ้น จากมูลค่าหุ้น (Valuation) ที่แพงมาก โดยตลาดหุ้น S&P500 มี อัตราราคาต่อกำไรล่วงหน้า 12 เดือน (12m Fwd. PER) อยู่ที่ 22 เท่า และมีความเสี่ยงที่จะถูกกดดันจากเงินเฟ้อที่อาจเพิ่มขึ้นแรง ตามราคาสินค้าที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อาจอ่อนค่าลงตามเม็ดเงินการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการผ่อนคลายนโยบายการเงิน รวมถึงนโยบายการคลังของนาย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะเข้ามาในระบบจำนวนมาก” นายณัฐกฤติกล่าว

ทั้งนี้ เม็ดเงินที่เข้ามาในระบบจำนวนมากย่อมเป็นปัจจัยบวกต่อกระแสเงินทุนให้ไหลเข้าตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่ เนื่องจาก ปัจจุบันตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่มีระดับราคาหุ้นที่น่าสนใจ เห็นได้จากดัชนี MSCI Emerging Markets มีอัตราราคาต่อกำไรล่วงหน้า 12 เดือน อยู่ที่ 15 เท่า อีกทั้ง ตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่มักจะปรับตัวขึ้นลงตามภาวะเศรษฐกิจค่อนข้างมากอยู่แล้ว ดังนั้น ในยามที่เศรษฐกิจฟื้นตัว ดัชนีหุ้นในกลุ่มประเทศนี้ ที่มีหุ้นกลุ่มวัฎจักร (Cyclicals) เป็นสัดส่วนค่อนข้างมากย่อมได้รับประโยชน์ เช่น หุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน (Financials), กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม (Industrials), สินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary) และสินค้าวัสดุ (Materials) ซึ่งในปีที่ผ่านมาราคาหุ้นกลุ่มนี้ยังขยับขึ้นไม่มากเมื่อเทียบกับทั้งตลาด ทำให้ผลประกอบการของหุ้นกลุ่มวัฏจักรในปีนี้มีโอกาสที่จะโตเร็ว ราคาหุ้นก็มีความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นมากกว่ากลุ่มอื่น

“หากจะเจาะลึกมาที่ตลาดหุ้นเกิดใหม่แล้ว ในปีนี้ตลาดหุ้นจีนก็เป็นตลาดที่น่าสนใจที่สุดและเหมาะสำหรับการลงทุนในช่วง 1 ปี จากเศรษฐกิจฟื้นตัวดีมากในปีที่ผ่านมาขยายตัวได้ 2.3% เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆที่เศรษฐกิจหดตัวรุนแรง ซึ่งได้แรงหนุนจากอุปสงค์ทั้งในและนอกประเทศที่ฟื้นตัว และในปี 2564 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้คาดการณ์เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวสูงถึง 7.9% และที่สำคัญตลาดหุ้นจีนมีสัดส่วนหุ้นวัฎจักรสูงมาก เกือบ 59% ของมูลค่าตลาดหุ้น” นายณัฐกฤติกล่าว

สำหรับธีมการลงทุนระยะยาวนั้น ธนาคารทิสโก้แนะนำให้เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มนวัตกรรมทางการแพทย์ (Healthcare Innovation) แทนหุ้นกลุ่มธุรกิจการแพทย์แบบดั้งเดิม (Traditional Healthcare) เช่น สถานพยาบาล, ระบบดูแลสุขภาพ หรือบริษัทยาขนาดใหญ่แต่ไม่ค่อยมีนวัตกรรมใหม่ๆ เป็นต้น เนื่องจากธีมหุ้นกลุ่ม Healthcare Innovation มีโอกาสเติบโตได้สูงกว่าจากนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งพัฒนาออกมาอย่างต่อเนื่องจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม Digital health หรือกลุ่ม Biotech ที่นำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยในการรักษาโรค เช่น การรักษาโรคร้ายแรงด้วยวิธี Gene therapy หรือ Gene Editing ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่จะช่วยในการรักษาโรคร้ายแรงหรือโรคหายากอีกจำนวนมากที่ยังไม่มียารักษา ยกตัวอย่างโรคมะเร็งที่มีผู้ป่วยจำนวนมากและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตเป็นอันดับต้นๆ ของประชากรโลก ซึ่งถ้าการคิดค้นการักษาสำเร็จก็จะทำให้เติบโตแบบก้าวกระโดดเป็นเท่าตัวจากความต้องการที่มีอยู่ทั่วโลก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad