บล็อคฟินท์ ชู “ธิงค์เกอร์” โซลูชันการเงินที่จะปฏิวัติระบบธนาคารรูปแบบใหม่
บล็อคฟินท์ (BlockFint) ฟินเทคสตาร์ทอัพสัญชาติไทย รุกตลาดเต็มตัว พัฒนา “Thinker” โซลูชันสุดล้ำที่ฉีกกฏทุกระบบปฏิบัติด้านการเงินด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) รูปแบบใหม่ มุ่งยกระดับการส่งมอบบริการของสถาบันการเงินให้กับลูกค้าได้สะดวกรวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น
นายสุทธิพงศ์ กนกากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บล็อคฟินท์ จำกัด ฟินเทคสตาร์ทอัพที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโซลูชันด้วยเทคโนโลยี Blockchain เปิดเผยว่า “ด้วยระบบการปฏิบัติการของสถาบันทางการเงินในปัจจุบันของไทย ยังคงมีความซับซ้อนและมีต้นทุนในการดูแลที่สูงมาก ทำให้ไม่สามารถรองรับความต้องการใหม่ ๆ ของลูกค้าได้เต็มที่ ประกอบกับเรามองเห็น pain point จากลูกค้าว่าต้องการที่ปรึกษาทางการเงินที่ไม่มีอคติในการบริหารเงินของตัวเอง และสามารถบริหารเงินแบบจบได้ในที่เดียว บล็อคฟินท์จึงนำเสนอโซลูชันThinker Series ให้กับสถาบันการเงินและธนาคารด้วยบริการหลากหลาย สามารถตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน ซึ่งเรามั่นใจว่าจะเปลี่ยนอนาคตการเงินการธนาคารในประเทศ ไทยไปอย่างสิ้นเชิง”
สำหรับความโดดเด่นของ Thinker Series เป็นโซลูชันที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน เข้ามาเพื่อช่วยพัฒนาระบบ ปฏิบัติการต่าง ๆ โดยประกอบไปด้วยบริการต่าง ๆ ดังนี้
1.Thinker Bank เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยในการบริหารจัดการผลตอบแทนทางด้านการเงินให้กับลูกค้าที่ยึดความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ โดยการรวมทุกบัญชี ทุกธุรกรรมทางการเงินเข้าด้วยกันให้จัด การได้ง่ายในที่เดียว
2.Thinker Bond เป็นแพลตฟอร์มตลาดทุนแห่งแรกในประเทศไทยที่สามารถให้ลูกค้ารายย่อยสามารถเข้าถึงพันธบัตรได้ง่ายขึ้นในทุกที่ทุกเวลา เพื่อพลิกโฉมระบบการซื้อขายพันธบัตรที่เคยยุ่งยากในอดีตให้ง่ายขึ้น ผ่านการซื้อขายผ่านระบบดิจิทัลทั้งหมด ในระยะเวลาเพียงไม่กี่นาที
3.Thinker Insurance เป็นแพลตฟอร์มที่จะมาช่วยทำให้การประเมินการซื้อขายประกันในทุกรูปแบบให้ง่ายยิ่งขึ้น และรวดเร็วมากขึ้น
4.Thinker LOS หรือ Loan Origination System เป็นระบบที่จะเข้ามาช่วยในการตัดสินใจปล่อยสินเชื่อให้แก่ลูกค้าได้ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น รวมถึงการออกแบบสินเชื่อแบบใหม่สำหรับสถาบันการเงิน โดยผสานการทำงานของคนเข้ากับเทคโนโลยี และเทคนิคการใช้ดาต้า เพื่อจัดกระบวนการใหม่ โดยไม่ต้องเขียนโค้ดเพิ่มแต่อย่างใด
5.Thinker Wise เป็นระบบที่ดึงความชำนาญของคนในการทำและตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ออกมาจำลองไว้ในระบบ ซึ่งทำให้การตัดสินใจทางธุรกิจต่าง ๆ เป็นไปได้อย่างอัตโนมัติ แม่นยำ โปร่งใส และตอบสนองธุรกิจในโลกดิจิทัลเสมือนหนึ่งมีผู้ชำนาญการมาทำด้วยตัวเอง จึงไม่จำกัดแค่ระบบการให้สินเชื่อ การทำประกัน เท่านั้น สามารถนำไปใช้ในการทำธุรกิจอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น การตัดสินใจเลือกสถานที่ตั้งของร้านค้าปลีกต่าง ๆ
“ปัจจุบันตลาดการเงินในประเทศไทยมีมูลค่ามากกว่า 19 ล้านล้านบาท ตลาดพันธบัตรมีมูลค่า 14.2ล้านล้านบาท ในขณะที่ตลาดประกันมีมูลค่า 8 แสนล้านบาท ประกอบกับปีที่ผ่านมาตลาดการเงินทั่วโลกกำลังเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีการเงินดิจิทัลมากขึ้นเรื่อย ๆ เราจึงเห็นโอกาสมากมายที่โซลูชันของเราจะสามารถตอบโจทย์สถาบันการเงิน และอีโคซิสเต็มอื่น ๆ ได้ ในการเสนอเทคโนโลยีที่ทำให้ทุกคนสามารถทำงานได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น โดยคาดหวังว่าจะมีการเติบโต 400% ใน 3 ปีข้างหน้า” นายสุทธิพงศ์ กล่าวเพิ่มเติม
นอกจาก Thinker Series แล้ว บล็อคฟินท์ยังได้นำเทคโนโลยี Blockchain มาพัฒนาเพื่อโซลูชันอื่น ๆ อีกไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาแพลตฟอร์มด้านการแลกเปลี่ยนซื้อขายพลังงานที่ชื่อว่า Gideon ซึ่งขณะนี้ได้ทำงานร่วมกับทั้งภาครัฐและเอกชนไปแล้วหลายแห่ง ตลอดจนยังมีการพัฒนาโซลูชันอื่น ๆ ที่จะสามารถช่วยตอบโจทย์การเป็น Smart City ในอนาคต
เมื่อต้นปี 2020 ที่ผ่านมาบล็อคฟินท์ได้ระดมทุนครั้งแรกจำนวน 36 ล้านบาทที่ทำให้มูลค่าของบริษัทอยู่ที่ 400 ล้านบาท และในเดือนนี้บล็อคฟินท์ก็จะระดมทุนอีกครั้งไม่ต่ำกว่า 80 ล้านบาท ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก โดยบล็อคฟินท์คาดหวังว่าจะมีการทำDue Diligence (การสอบทานธุรกิจ) จบภายในต้นไตรมาสที่สี่ของปีนี้
“ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีกว่า 20 ปี และทีมงานรุ่นใหม่ ที่เข้าใจเทคโนโลยีและความ ต้องการของลูกค้าเป็นอย่างดี เราจึงมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดมาพัฒนาโซลูชันต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาให้ลูกค้าเพื่อรองรับยุคดิจิทัลแห่งอนาคต โดยเราตั้งเป้าที่เป็นบริษัทฟินเทคสัญชาติไทย พัฒนาเทคโนโลยีด้วยคนไทย ที่จะนำเทคโนโลยี ไปขายทั่วโลกในอีก 3 ปีข้างหน้าและก้าวสู่การเป็นสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นของประเทศไทย” นายสุทธิพงศ์ ทิ้งท้าย
คุณนิก-สุทธิพงศ์ กนกากร เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บล็อคฟินท์ จำกัด ฟินเทคสตาร์ทอัพของประเทศไทย ที่ให้บริการด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์และโซลูชัน โดยมีความเชี่ยวชาญในการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาพัฒนา และบูรณาการเข้ากับความรู้ทางธุรกิจ เพื่อต่อยอดให้กับอุตสาหกรรมการเงินการธนาคาร และพลังงาน
ความสำเร็จที่ผ่านมา
ก่อนการก่อตั้งบริษัทบล็อคฟินท์ คุณสุทธิพงศ์ได้สร้างผลงานทางนวัตกรรมที่โดดเด่นมากว่า 20 ปี ให้กับ 3 บริษัทสตาร์ทอัพในซิลิคอนวัลเลย์ อันได้แก่ Savvion, Andiamo, และ Nutanix โดยคุณสุทธิพงศ์เป็นสมาชิกคนสำคัญของบริษัท นูทานิกซ์ สตาร์ทอัพที่พัฒนาด้านแพลตฟอร์มคลาวด์ให้กับองค์กร ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าถึง 5พันล้านเหรียญสหรัฐ
และเมื่อต้นปี 2020 ที่ผ่านมา คุณสุทธิพงศ์ ได้สร้างมูลค่าของบริษัท บล็อคฟินท์ (Company Valuation) จากการระดมทุนครั้งแรก (Angle round) ได้ถึง 36 ล้านบาท ซึ่งทำให้มูลค่าของบริษัทปัจจุบันอยู่ที่ 400 ล้านบาท โดยมีผลงานที่โดดเด่น ได้แก่ ผู้ร่วมการพัฒนาระบบเพื่อซื้อขายพันธบัตรแบบดิจิทัลครั้งแรกของประเทศไทยโดยร่วมกับสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย และให้การสนับสนุนธนาคารกรุงไทย (KTB) ด้านระบบการซื้อขาย
พันธบัตรออมทรัพย์ 2 หมื่นล้านบาท ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชนและแบ็คเอนด์ อีกทั้ง ยังเป็นผู้ร่วมออกแบบบริการการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล (National Digital ID - NDID) ที่นิยมใช้กันในแวดวงการเงินการธนาคารอีกด้วย
ประวัติผู้บริหาร
นายสุทธิพงศ์ กนกากร
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บล็อคฟินท์ จำกัด
ประวัติการศึกษา และการทำงาน
- จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- จบการศึกษาระดับปริญญาโท ด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ที่มหาวิทยาลัยซานตาคลารา ประเทศสหรัฐอเมริกา
- เริ่มต้นทำงานที่บริษัท SAVVION ณ เมืองซานตาคลารา รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยเป็นพนักงานคนแรกและเป็นคนสำคัญของทีมในการดูแลบริหารจัดการด้านซอฟต์แวร์ และระบบจัดการ Database เป็นเวลากว่า 7 ปี (1994-2002)
- เข้าทำงานที่บริษัท Andimo Systems ณ เมืองซานตาคลารา รัฐแคลิฟอร์เนีย ในตำแหน่ง Senior Storage Software Engineer โดยดูแลการสร้างและบริหารจัดการระบบซอฟต์แวร์ รวมถึงวางแนวคิดและพัฒนาศูนย์ข้อมูลระบบการจัดการพลังงาน เป็นเวลากว่า 8 ปี (2002-2010)
- เข้าทำงานที่ บริษัท Nutanix ณ เมืองซานโฮเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย ในฐานะ versatile engineer ที่รับผิดชอบทุกส่วนในช่วงเริ่มต้นของการทำสตาร์ทอัพ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบระบบ เขียนโค้ด เข้ารหัส ทดสอบระบบ จนถึงการสร้างผลิตภัณฑ์ต้นแบบ ซึ่งสามารถเปิดตัวสินค้าได้ภายใน 1ปีครึ่ง หลังจากบริษัทก่อตั้ง จัดได้ว่าเป็นคนสำคัญในทีมการพัฒนาบริษัท โดยร่วมงานกับ Nutanix เป็นเวลา 7 ปี (2010-2017)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น