วิศวะมหิดล-จันวาณิชย์ ผนึกพลังวิจัยและพัฒนาระบบนวัตกรรมสารสนเทศทางการแพทย์อัจฉริยะ
เพื่อสุขภาพคนไทยและอนาคตประเทศไทย
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล นำโดย รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ร่วมกับ คุณธนพล กองบุญมา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จันวาณิชย์ จำกัด ในโครงการวิจัยและพัฒนาระบบนวัตกรรมสารสนเทศทางการแพทย์อัจฉริยะ วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ด้านวิชาการ การวิจัย การผลิตนวัตกรรม และการพัฒนาบุคลากร สร้างสรรค์ทักษะด้านระบบเทคโนโลยีการแพทย์อัจฉริยะร่วมกัน พร้อมทั้งร่วมศึกษาวิจัยระบบสุขภาพและการแพทย์ให้เป็นไปตามมาตรฐานการส่งผ่านข้อมูลทางการแพทย์ และดำเนินกิจกรรมบริการวิชาการอื่นๆ กับองค์กรของรัฐและเอกชนที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน สังคมและประเทศชาติ
รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ บริษัท จันวาณิชย์ จำกัด ได้ทำงานร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง และในครั้งนี้เป็นการร่วมมือครั้งสำคัญใน โครงการวิจัยและพัฒนาระบบนวัตกรรมสารสนเทศทางการแพทย์อัจฉริยะ ระยะ 5 ปี เพื่อพัฒนาโครงข่ายและเครือข่ายการพัฒนาสาธารณสุขดิจิทัลของประเทศไทยในยคเทคโนโลยี 5Gท่ามกลางความท้าทายและการแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่โควิด-19 ซึ่งระบบจะเชื่อมต่อและส่งข้อมูลอย่างรวดเร็วเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย คุณภาพความแม่นยำของงานรักษาพยาบาล/ฟื้นฟู และลดต้นทุนด้านเวลา ภาระงานของบุคลากรแพทย์และค่าใช้จ่ายของรพ.
โดย
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มีแนวทางดำเนินงาน ดังนี้ 1. สนับสนุนและร่วมผลักดันให้เกิดความร่วมมือกันของหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องกับระบบข้อมูลสารสนเทศสุขภาพและการแพทย์ของประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยน พัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศชาติ 2.) ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการศึกษาวิจัยและแลกเปลี่ยนข้อมูล รวมทั้งการจัดประชุมสัมมนาทางวิชาการที่เกี่ยวข้อง 3.) สนับสนุนคณาจารย์และนักวิจัยให้สามารถทำการค้นคว้าในโครงการวิจัยได้ตามความเหมาะสม ทั้งนี้โดยเป็นไปตามเกณฑ์ของมหาวิทยาลัย 4.) ความร่วมมือในการพัฒนาบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมสารสนเทศการแพทย์อัจฉริยะ เพื่อสนับสนุนความก้าวหน้า ในบริการสุขภาพและการแพทย์ดิจิทัลคุณธนพล กองบุญมา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จันวาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ มีประวัติศาสตร์การก่อตั้งมากว่า 100 ปีด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการพัฒนานวัตกรรมการศึกษา ความร่วมมือกับคณะวิศวะมหิดล จะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนานวัตกรรมเฮลท์แคร์ของประเทศไทยให้ตอบโจทย์เฮลท์แคร์ยุคดิจิทัล ในปัจจุบันรูปแบบของการรักษาพยาบาลมีแนวโน้มใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาผสมผสานการใช้องค์ความรู้ในหลากหลายศาสตร์
ประกอบด้วยความสามารถของคน
Data และ เทคโนโลยี เรามีความมุ่งมั่นที่จะสร้าง Infrastructure เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพดีและเสริมความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมและบริการเฮลท์แคร์ ในความร่วมมือครั้งนี้ บริษัท จันวาณิชย์ จำกัด จะมีบทบาทดังนี้ 1.) ศึกษาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ 2.) ศึกษาวิจัยแนวทางการออกแบบทางสถาปัตยกรรมระบบสารสนเทศ 3.) ศึกษาวิจัยและพัฒนางานวิจัยด้านสุขภาพและการแพทย์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) 4.) สนับสนุนด้านสถานที่ เครื่องมืออุปกรณ์ ร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลดร.เคอิตา โอโน่ ผู้อำนวยการสำนักบ่มเพาะและสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรม (Innogineer) คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ข้อมูลจากการศึกษาวิจัยพบว่า 5 ปัจจัย ที่ทำให้ Digital Healthcare เติบโตในหลายประเทศ คือ 1.) สังคมมีประชากรสูงวัยมากขึ้น (Ageing Population) 2.) การสนับสนุนนโยบายทางการเมืองที่ส่งผ่านทาง WHO หรือ UN ใน Sustainable Goal Development (SDG) เป้าหมายการพัฒนาเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งมี 97 ข้อนั้น ใน 3 ข้อ จะเป็นเรื่องเฮลแคร์ เป็นจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับพัฒนาสุขภาพของประเทศทั่วโลกให้ก้าวหน้าดีขึ้น 3.) Accountable Care Organization (ACO) ระบบเฮลแคร์ในหลายๆประเทศรวมถึงประเทศไทย
จะดูแลบริหารจัดการโดยส่
วนกลางจากรัฐบาล บุคลากรแพทย์และ รพ.จะต้องแบกรับภารกิจหนักและปั
ญหาในส่วนนี้ จะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์
มากขึ้นและต้นทุนลดลง 4.) สร้างระบบดูแลสุขภาพอย่
างครบวงจรมีความสำคัญยิ่ง มิใช่เพียงดูแลกันเป็นครั้งๆ เพราะสุขภาพไม่ใช่เรื่
องของคนๆเดียวแต่เป็นเรื่
องของชุมชนส่วนรวมและประเทศด้วย 5.) เทรนด์การรักษาจากโรงพยาบาลห้
กระจายตัว โดยการรักษาพยาบาลและฟื้นฟูผู้
ป่วยนอกสถานที่ แบบ
Ambulatory Care ผู้ป่วยอยู่บ้านมากขึ้น ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ว่าจะทำอย่างไรถึงเพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดต้นทุนมากขึ้น เช่น ประหยัดเวลา ค่าเดินทาง ลดขั้นตอนการรักษาพยาบาลและติดตามผลทำได้รวดเร็วในอนาคตปี 2025 เราจะเริ่มเห็น Healthcare เติบโตปีละกว่า 8% ซึ่งจะเป็นตลาด Digital Healthcare โดยเฉพาะสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา รวมถึงประเทศไทยด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น