“จุรินทร์”สั่งลุยต่อทำตลาดออนไลน์ปั๊มรายได้ หลังครึ่งปีแรกทำเงินกว่า 14,679 ล้าน - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

“จุรินทร์”สั่งลุยต่อทำตลาดออนไลน์ปั๊มรายได้ หลังครึ่งปีแรกทำเงินกว่า 14,679 ล้าน

img

“จุรินทร์”สั่งลุยต่อ เร่งทำตลาดเพิ่มยอดการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังผ่านช่องทางออนไลน์ให้เข้มข้นขึ้น หลังผลงานครึ่งปีแรก 64 ทำรายได้เข้าประเทศแล้วกว่า 14,679 ล้านบาท เผยมีผลงานที่สำเร็จตามเป้า ทั้งการจัดงานแสดงสินค้า การจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย
         
นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้รายงานผลการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมและผลักดันการส่งออกในช่วงครึ่งปีแรก 2564 ทางช่องทางออนไลน์ โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้รับทราบผลการดำเนินงานที่ทำรายได้เข้าประเทศจากกิจกรรมที่ดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์กว่า 14,679.19 ล้านบาท ซึ่งนายจุรินทร์ได้ชื่นชมผลการทำงาน และได้เร่งรัดให้ดำเนินการต่อในช่วงครึ่งปีหลังอย่างเข้มข้น ตามนโยบายที่ให้ไว้เพื่อทำรายได้เข้าประเทศเพิ่มขึ้น
         
สำหรับรายละเอียดผลการดำเนินการ ได้มีการจัดงานแสดงสินค้าในรูปแบบ Mirror-Mirror ที่ผู้ประกอบการไม่ต้องเดินทางไปร่วมงานแสดงสินค้าแค่ส่งตัวอย่างสินค้าไปจัดแสดง หรือมอบหมายตัวแทนจำหน่ายเข้าร่วมงานแทน และจัดระบบเจรจาการค้าผ่านออนไลน์ จัดไปแล้ว 3 งาน ได้แก่ งาน Tokyo International Gift Show (สินค้าไลฟ์สไตล์ ของขวัญของชำร่วย ของตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ สินค้าแฟชั่นและเครื่องหนัง) งาน Gulfood ณ นครดูไบ UAE (สินค้าฮาลาล) และงาน Foodex Japan ณ เมืองชิบะ (สินค้าอาหาร) และยังได้ใช้รูปแบบเดียวกันนี้จัดงานแสดงสินค้าไทย Top Thai Brands 2 ครั้ง ที่กรุงฮานอย และนครโฮจิมินห์ มีผู้ประกอบการเข้าไทยเข้าร่วมรวม 213 ราย มีมูลค่าสั่งซื้อทันที 41.74 ล้านบาท มูลค่าคาดการณ์สั่งซื้อภายใน 1 ปี 602.52 ล้านบาท
         
ส่วนการจัดงานแสดงสินค้าในรูปแบบเสมือนจริง จัดไปแล้ว 3 งาน ได้แก่ THAIFEX Virtual Trade Show โดยจัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม www.thaifex-vts.com วันที่ 25-29 พ.ค.2564 มียอดสั่งซื้อทันที มูลค่ารวม 2,845,100 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 85 ล้านบาท และคาดการณ์สั่งซื้อภายใน 1 ปี 22,515,133 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 675 ล้านบาท และมีกำหนดจัดงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม THAIFEX ANUGA Asia ในรูปแบบไฮบริดอีกในวันที่ 29 ก.ย.-3 ต.ค.2564 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี คาดว่าจะทำรายได้เช่นเดียวกัน , งาน BGJF Virtual Trade Fair วันที่ 22-24 มิ.ย.2564 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นงานที่จัดต่อเนื่องมาถึง 65 ครั้ง โดยในปีนี้ เป็นปีที่ 2 ที่จัดงานในรูปแบบเสมือนจริง บนแพลตฟอร์ม www.bgjf-vtf.com มีมูลค่าการสั่งซื้อ 576 ล้านบาท และงานแสดงสินค้า Multimedia Online Virtual Exhibition หรือ MOVE 2021 ซึ่งเป็นกิจกรรมการส่งออกด้านมัลติมีเดียต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ แอนิเมชัน หรือว่าดิจิทัลคอนเทนต์ มีการลงนามซื้อขาย 1,586 ล้านบาท        

ทางด้านกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจออนไลน์ ในช่วง 6 เดือนของปี 2564 จัดไปแล้วรวม 44 ครั้ง ในสินค้าต่าง ๆ เช่น อาหาร ผลไม้ สินค้าฮาลาล สินค้าเครื่องมือแพทย์ ชิ้นส่วนยานยนต์ อาหารสัตว์เลี้ยง เป็นต้น สร้างยอดขายรวม 8,335.43 ล้านบาท และล่าสุดได้จัดเจรจาธุรกิจคอนเทนต์วายไทย วันที่ 29-30 มิ.ย.2564 มียอดซื้อขายกว่า 360 ล้านบาท

นอกจากนี้ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทยในซุปเปอร์มาเก็ตและห้างสรรพสินค้า ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ และผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยใช้กลุ่มผู้มีอิทธิพลทางความคิด (Influencers/ KOL) ในตลาดเป้าหมาย เพื่อสร้างความต้องการในตัวสินค้าไทยในประเทศนั้นๆ มีมูลค่าการสั่งซื้อทันที 715 ล้านบาท และมูลค่าการสั่งซื้อคาดการณ์ภายใน 1 ปี กว่า 1,411 ล้านบาท  
         
ขณะเดียวกัน มีกิจกรรมพิเศษที่เพิ่มเข้ามา เช่น งาน “DITP ยี่ปั๊วออนไลน์ คอนเนค” หรือ DITP’s Online Reseller Connect ระหว่างวันที่ 24 -28 พ.ค.2564 ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ประกอบการรายย่อยที่ยังไม่พร้อมในการขายสินค้าทางออนไลน์ให้มีโอกาสในการก้าวสู่ตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศ โดยให้ทูตพาณิชย์เชิญผู้ซื้อทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีศักยภาพในแต่ละประเทศที่มีความชำนาญในการขายสินค้าออนไลน์มาซื้อสินค้าไทย มีการสั่งซื้อไม่ต่ำกว่า 290 ล้านบาท สินค้าไทยจะถูกนำไปจำหน่ายในแพลตฟอร์มชั้นนำ เช่น Alibaba.com , Amazon , Tmall Global , Bigbasket และ DidiGlobal โดยสินค้าที่ได้รับความสนใจสูง ได้แก่ ผลไม้สดและแปรรูป อาหารสำเร็จรูป ของตกแต่งบ้านที่ทำจากไม้ สินค้าเพื่อสุขภาพ สินค้าประดับยนต์ เป็นต้น และยังได้ร่วมกับอีคอมเมิร์ซชั้นนำ เช่น TMall Global (จีน) Big Basket (อินเดีย) Amazon (สหรัฐฯ) จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทยในร้าน TOP Thai ซึ่งทำให้ขายสินค้าไทยได้เพิ่มขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad