เตรียมพร้อมร่างกายก่อนฉีดวัคซีนโควิด-19
ด้วยการดูแลสุขภาพผ่านโภชนาการและการออกกำลังกาย
ในขณะที่คนไทยกำลังเตรียมตัวเพื่อเข้ารับวัคซีนโควิด-19 ปัจจัยหนึ่งที่หลายคนอาจมองข้าม แต่มีส่วนช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพของวัคซีน โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ ก็คือ การมีโภชนาการที่ดีและการออกกำลังกาย และนี่คือเคล็ดลับง่ายๆ ในการสร้างลักษณะนิสัยที่ดีต่อสุขภาพ
- โภชนาการที่ดีคือหนึ่งในหัวใจสำคัญของการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย การมีโภชนาการที่ดีและเหมาะสม เป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่จะช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ซึ่งสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น วิตามินซี สังกะสี วิตามินดี วิตามินเอ และวิตามินอี จะช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อให้รับมือกับความท้าทายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไวรัสหรือการได้รับวัคซีนได้ดียิ่งขึ้น และขณะที่เรามีอายุเพิ่มขึ้น ภาวะที่ร่างกายได้รับสารอาหารหรือพลังงานในปริมาณที่ไม่เหมาะสม ก็ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลให้ภูมิต้านทานลดลง เราจึงควรหันมาใส่ใจด้านโภชนาการอย่างต่อเนื่องในทุกช่วงวัยของชีวิต[1]
- การออกกำลังกายช่วยส่งเสริมระบบการทำงานของภูมิคุ้มกันของร่างกาย การเคลื่อนไหวร่างกายทำให้สุขภาพดีขึ้นและส่งผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้การตอบสนองต่อวัคซีนของผู้สูงอายุดีขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ การออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง อาจมีส่วนในการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน ให้ตอบสนองต่อวัคซีนได้ดียิ่งขึ้น[2]
- ภาวะทุพโภชนาการส่งผลต่อการทำงานของร่างกาย และอาจมีผลกับการตอบสนองของภูมิคุ้มกันต่อวัคซีน
ภาวะทุพโภชนาการ คือภาวะที่ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการ และสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งกับผู้ที่มีน้ำหนักต่ำกว่า หรือสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน โดยกลุ่มของผู้สูงอายุมากกว่าครึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะทุพโภชนาการหรือการขาดสารอาหาร[3] ซึ่งอาจส่งผลให้ประสิทธิภาพของวัคซีนในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันลดลง[4] ภาวะขาดสารอาหารยังสามารถส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ[5] ผู้เชี่ยวชาญได้ให้คำแนะนำว่า การแก้ไขภาวะขาดสารอาหารอาจช่วยลดความเสื่อมถอยของระบบภูมิคุ้มกัน ที่อาจส่งผลให้ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและความรุนแรงของโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น[6]
แนวทางการสร้างเสริมสุขภาพที่ดี
การรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพเป็นสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ และยังไม่สายเกินไปหากเราจะเริ่มปรับพฤติกรรมการบริโภคตั้งแต่วันนี้ เพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทานและความแข็งแรงของร่างกาย เริ่มต้นได้จากการรับประทานผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ไร้ไขมัน ผลิตภัณฑ์จากนมและไขมันดีเพิ่มเติมจากอาหารมื้อหลัก ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารหลักที่สำคัญ เพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ดังนี้
- โปรตีน: โปรตีนเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างแอนติบอดีและเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน กรดอะมิโนบางชนิดที่เป็นส่วนประกอบของโปรตีน คือแหล่งพลังงานที่สำคัญของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ผู้สูงอายุควรได้รับโปรตีนประมาณ 25-30 กรัมต่อมื้ออาหาร เพื่อช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และช่วยให้อิ่มท้องได้นานขึ้นในระหว่างมื้ออาหาร
· วิตามินและแร่ธาตุ: วิตามินและแร่ธาตุ คือสารอาหารสำคัญที่ร่างกายต้องการเพื่อคงความแข็งแรง วิตามินเอและวิตามินดีมีส่วนช่วยในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้เป็นไปตามปกติ และจากข้อมูลทางการแพทย์พบว่า วิตามินดีอาจมีบทบาทสำคัญในการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อไวรัสที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ[7] นอกจากนี้ วิตามินซีและวิตามินอี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จะช่วยปกป้องเซลล์ต่างๆ รวมถึงเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันจากความเสียหาย ในขณะที่สังกะสีมีส่วนสำคัญในกระบวนการสร้างเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน
· โพรไบโอติกส์: แม้ไม่ใช่สารอาหารหลัก ทว่าโพรไบโอติกส์ หรือแบคทีเรียชนิดดีที่อยู่ในระบบทางเดินอาหาร มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันโดยรวมของร่างกาย จุลินทรีย์โพรไบโอติกส์ ช่วยในการทำงานของระบบทางเดินอาหารและลำไส้ ซึ่งมีระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายกว่า 70 เปอร์เซ็นต์อยู่ในนั้น
แม้ไม่มีรายงานว่าร่างกายคนเราต้องการโพรไบโอติกส์ในปริมาณเท่าไรในแต่ละวัน ทว่าการรับประทานอาหารหมักดอง เช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยว กิมจิ หรือผักผลไม้ดองในปริมาณที่เหมาะสมก็เป็นวิธีง่ายๆ ในการเพิ่มปริมาณโพรไบโอติกส์ให้กับร่างกาย
“โภชนาการที่ดีคือพื้นฐานของการมีสุขภาพที่แข็งแรง และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและการคงความแข็งแรงของร่างกาย รวมทั้งมีส่วนช่วยในการปกป้องโรคและการฟื้นตัวของร่างกายจากความเจ็บป่วย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ” นายแพทย์ไมเคิล หวัง ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ กลุ่มงานธุรกิจโภชนาการของแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส ประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก กล่าวว่า “การรับประทานอาหารที่มีโภชนาการที่สมดุล อาทิ โปรตีน ธาตุเหล็ก สารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ขณะที่ผลิตภัณฑ์เสริมสารอาหาร หรืออาหารสูตรครบถ้วน ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกสำหรับผู้ที่ไม่สามารถรับประทานอาหารได้อย่างเพียงพอในแต่ละวัน เนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นและรับประทานง่าย จึงมีส่วนช่วยให้ผู้สูงอายุได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวันได้”
ด้าน ดร.ภนิตา ศรีชมเชย นักกำหนดอาหารวิชาชีพ ผู้จัดการศูนย์โภชนาการและการกำหนดอาหาร โรงพยาบาลเทพธารินทร์ วิทยากรจากโครงการ Nutrition Expert ให้คำปรึกษาด้านโภชนาการ แนะนำว่า “โภชนาการที่ดีจะช่วยสนับสนุนประสิทธิภาพของวัคซีนและช่วยลดความรุนแรงของอาการข้างเคียงจากการรับวัคซีน[8] นอกจากนี้การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการพักผ่อนที่เพียงพอจะช่วยสนับสนุนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น ซึ่งการออกกำลังกายที่สามารถทำได้ง่ายๆ ได้แก่ การวิ่งเหยาะๆ การว่ายน้ำ การเดินในน้ำ มวยจีน หรือโยคะ เป็นต้น”
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งรวมถึงการออกกำลังกายแบบแรงต้าน สามารถช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและความแข็งแรง เพื่อความปลอดภัยควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกรูปแบบการออกกำลังกายที่เหมาะสมต่อสภาพร่างกายได้ เช่น
- การเดินอย่างสม่ำเสมอ
- การออกกำลังกายที่เน้นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เช่น การกระโดด หรือ การบริหารกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้าโดยการย่อขา
- การยกเวท หรือ การใช้อุปกรณ์เสริมเพื่อเพิ่มแรงต้าน
วิธีง่ายๆ อย่างการให้ความสำคัญกับโภชนาการที่ดีและการออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และอาจช่วยในการตอบสนองของร่างกายต่อวัคซีน ท่านยังสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ ณ ร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการได้แล้ววันนี้ โดยสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการNutrition Expert Program เพียงคลิก Abbott Nutrition Care หรือสแกน QR Code
เกี่ยวกับ บริษัท แอ๊บบอตฯ
แอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส คือหนึ่งในบริษัททางการแพทย์ชั้นนำระดับโลกที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมกว้างขวางที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เรามุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในทุกช่วงวัย กลุ่มผลิตภัณฑ์ของเราเกิดจากการรวมโภชนศาสตร์เข้ากับเทคโนโลยีขั้นสูงทำให้เราสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพได้อย่างครอบคลุมทั้ง ยา อาหารทางการแพทย์ อาหารสำหรับทารกและเด็ก และเครื่องมือแพทย์ ปัจจุบันบริษัท แอ๊บบอตฯ มีพนักงานกว่า 103,000 คน มีคณะนักวิทยาศาสตร์ ด้านโภชนาการ แพทย์ และวิศวกรกว่า 650 คน ประจำการ ณ ศูนย์การวิจัยและพัฒนาทั้ง 5 แห่งทั่วโลก นอกจากนี้ บริษัท แอ๊บบอตฯ ได้จัดทำการค้นคว้าวิจัยกว่า 600 ฉบับ และอีกกว่า 500 ฉบับด้านโภชนาการ ตลอดระยะเวลา 2 ทศวรรษที่ผ่านมาครอบคลุมกว่า 160 ประเทศทั่วโลก
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมของบริษัท แอ๊บบอตฯ ได้ที่ www.abbott.co.th, Facebook ที่แฟนเพจ Abbott Nutrition Care, Twitter @AbbottNews และ @AbbottGlobal
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น