“จุรินทร์”แจ้งข่าวดี ส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถปิกอัพของไทยรอดตาย ไม่ต้องเสียอากรเซฟการ์ด หลังจับมือภาครัฐและเอกชนตั้งทีมไทยแลนด์ต่อสู้ยิบตา จนฟิลิปปินส์ประกาศยุติการไต่สวน และคืนเงินอากรที่เรียกเก็บไปก่อนหน้านี้ 1,200 ล้านให้กับผู้นำเข้า ชี้ส่งผลดีต่อการส่งออกรถยนต์ไทยไปฟิลิปปินส์ปีละ 70,000 ล้านฉลุยตามเดิม
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถปิกอัพของไทย ถูกฟิลิปปินส์ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาไต่สวนโดยใช้กลไก Safeguard ว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงเดือนธ.ค.2563 ที่การส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถปิกอัพของไทยถูกฟิลิปปินส์ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาไต่สวน โดยใช้กลไกมาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น หรือ Safeguard เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมภาษีหรือรายได้เพิ่มจากการผู้นำเข้าฟิลิปปินส์ที่นำเข้ารถส่วนบุคคลหรือปิกอัพจากไทย และเมื่อวันที่ 1 ก.พ.2564 ฟิลิปปินส์ได้เรียกเก็บอากรสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถปิกอัพของไทย โดยเก็บจากผู้นำเข้าฟิลิปปินส์ แต่กระทบการส่งออกไทย เพราะทำให้ผู้นำเข้ามีต้นทุนมากขึ้น โดยเรียกเก็บอากรรถยนต์นั่งส่วนบุคคล 42,000 บาทต่อคัน เรียกเก็บรถปิกอัพ 66,000 บาทต่อคัน ส่งผลให้ผู้นำเข้ารถยนต์ 2 ประเภทของฟิลิปปินส์ที่นำเข้าจากไทยต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นประมาณ 1,200 ล้านบาท
ทั้งนี้ ตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และส่วนราชการ ได้ร่วมกับเอกชนดำเนินการแก้ปัญหา คือ 1.ตั้งทีมไทยแลนด์ขึ้นมาเพื่อเจรจาและจัดทำข้อมูลโต้แย้งฟิลิปปินส์ โดยทีมประกอบด้วยกรมการค้าต่างประเทศ ทูตพาณิชย์ประจำฟิลิปปินส์ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้มีการประชุมหารือกันอย่างใกล้ชิดหลายครั้งแล้ว 2.ทำหนังสือไปถึงรัฐมนตรีการค้าของฟิลิปปินส์ 2 ครั้ง โดยสาระสำคัญขอให้การไต่สวน Safeguard รถยนต์ไทยครั้งนี้ ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ขององค์การการค้าโลก (WTO) ไม่เช่นนั้นประเทศไทยจะฟ้องร้องฟิลิปปินส์ต่อ WTO ต่อไป
“การที่เราจับมือกัน นำทีมไทยแลนด์เพื่อเจรจาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของฟิลิปปินส์ ล่าสุดประสบความสำเร็จแล้วเพราะวันที่ 6 ส.ค.2564 ฟิลิปปินส์ประกาศยุติการไต่สวนแล้ว และทำการคืนเงิน 1,200 ล้านบาท จากผู้นำเข้ารถยนต์ 2 ประเภทให้กับผู้นำเข้า จะส่งผลให้ประเทศไทยสามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์ 2 ประเภทของไทยในตลาดฟิลิปปินส์ได้ประมาณ 60,000 ถึง 70,000 ล้านบาท ซึ่งฟิลิปปินส์นำเข้ารถปิกอัพจากไทยถึง 99% จากการนำเข้าทั้งหมดและนำเข้ารถเก๋งส่วนบุคคลจากไทย 20% จากการนำเข้ารถยนต์ทั้งหมด”
อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวเป็นกรณีตัวอย่างที่ภาครัฐสามารถจับมือกับเอกชนต่อสู้ชี้แจงทำความเข้าใจจนประสบความสำเร็จ ซึ่งต้องถือว่ายังไม่ถึงกับได้รับผลกระทบ เพราะจะเริ่มกระทบในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 แต่เมื่อได้รับการสั่งให้ยุติการไต่สวน ก็ถือว่าสามารถรักษาตลาดการส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและปิกอัพไทยไปฟิลิปปินส์สามารถเดินหน้าและเดินหน้านำรายได้เข้าประเทศได้จำนวนมหาศาลต่อไป
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นนโยบายของนายจุรินทร์ ที่ได้สั่งการให้จัดตั้งทีมไทยแลนด์ และติดตามกำชับอย่างต่อเนื่อง จนประสบความสำเร็จ ถือเป็นโอกาสในการส่งออกของไทยเพื่อการนำรายได้เข้าประเทศ และการยุติการไต่สวนมาตรการปกป้องในครั้งนี้ ถือเป็นข่าวดีของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยโดยฟิลิปปินส์ถือเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับ 4 ของไทย รองจากออสเตรเลีย เวียดนาม และญี่ปุ่น
ปัจจัยที่ทําให้ฟิลิปปินส์ก้าวขึ้นมาเป็นตลาดส่งออกรถยนต์สําคัญของไทย เนื่องจากประเทศสมาชิกอาเซียนได้มีข้อตกลงเปิดเสรีสินค้าระหว่างกัน โดยอัตราอากรนําเข้าสินค้ายานยนต์ของฟิลิปปินส์ได้ลดลงจาก 30% มาอยู่ที่ 0% ภายใต้เงื่อนไขว่าจะต้องมีหนังสือรับรองถิ่นกําเนิดสินค้า Form D ที่ออกโดยกรมการค้าต่างประเทศกํากับ ซึ่งที่ผ่านมา กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ถือเป็นกลุ่มสินค้าที่มีการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอันดับต้น ๆ
วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2564
Home
เศรษฐกิจมหภาค
ส่งออก
ไทยเฮ! รถเก๋ง-ปิกอัพรอด ฟิลิปปินส์เลิกใช้เซฟการ์ด คาดส่งออก 7 หมื่นล้านฉลุย
ไทยเฮ! รถเก๋ง-ปิกอัพรอด ฟิลิปปินส์เลิกใช้เซฟการ์ด คาดส่งออก 7 หมื่นล้านฉลุย
Tags
# เศรษฐกิจมหภาค
# ส่งออก
Share This
About preecha binmanoch
ส่งออก
ป้ายกำกับ:
เศรษฐกิจมหภาค,
ส่งออก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
Author Details
Templatesyard is a blogger resources site is a provider of high quality blogger template with premium looking layout and robust design. The main mission of templatesyard is to provide the best quality blogger templates which are professionally designed and perfectlly seo optimized to deliver best result for your blog.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น