“จุรินทร์”โชว์ผล“จับคู่กู้เงิน” ช่วยร้านอาหาร-SMEs ส่งออก ได้เงินต่อลมหายใจ 3,610 ล้าน - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2564

“จุรินทร์”โชว์ผล“จับคู่กู้เงิน” ช่วยร้านอาหาร-SMEs ส่งออก ได้เงินต่อลมหายใจ 3,610 ล้าน

img

“จุรินทร์”สรุปผลการจัดทำโครงการ “จับคู่กู้เงิน” ช่วยร้านอาหาร และ SMEs ส่งออก หลังปิดโครงการ มีผู้ได้รับสินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรน 3,055 ราย วงเงินอนุมัติ 3,610 ล้านบาท แยกเป็นร้านอาหารได้กู้ 2,865 ราย วงเงิน 2,600 ล้านบาท และ SMEs ส่งออก 190 ราย วงเงิน 1,010 ล้านบาท ประกาศต่อเฟส 2 ช่วย SMEs ส่งออกอีก 2 เดือน คาดช่วยปล่อยกู้อีกไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้าน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการดำเนินโครงการจับคู่กู้เงินสถานบันการเงินกับร้านอาหาร และจับคู่กู้เงินสถาบันการเงินกับ SMEs ส่งออก ที่กระทรวงพาณิชย์ ว่า โครงการนี้ มีด้วยกัน 2 ส่วน คือ โครงการที่ 1 จับคู่กู้เงิน สถาบันการเงินกับร้านอาหาร โครงการที่ 2 จับคู่กู้เงิน สถาบันการเงินกับ SMEs ส่งออก ซึ่งผลการดำเนินการทั้ง 2 โครงการ สามารถอนุมัติวงเงินไปแล้วทั้งสิ้น 3,610 ล้านบาท จำนวนผู้ที่ได้รับสินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรน 3,055 ราย

สำหรับรายละเอียดโครงการจับคู่กู้เงินสถาบันการเงินกับร้านอาหาร ได้เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. ถึง 7 ก.ย.2564 มี 5 สถาบันการเงินเข้าร่วม ประกอบด้วยธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารกรุงไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ได้มีการอนุมัติเงินกู้เพื่อต่อลมหายใจให้กับธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งในช่วงเดือนมิ.ย.2564 ที่ผ่านมานั้น กำลังประสบปัญหา เพราะสถานการณ์โควิด-19 และต้องการเข้าถึงแหล่งเงิน เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนหรือต่อลมหายใจ โดยผลการดำเนินการมาจนถึงปิดโครงการเฟสแรกได้มีการอนุมัติวงเงินเงื่อนไขผ่อนปรนพิเศษไปทั้งสิ้น 2,600 ล้านบาท มีผู้ได้รับอนุมัติจำนวน 2,865 ราย และยังรออนุมัติอีกจำนวนหนึ่ง คาดว่าจะอยู่ในวงเงินอีกประมาณ 220 ล้านบาท

ส่วนโครงการจับคู่กู้เงิน สถาบันการเงินกับ SMEs ส่งออก ได้มีการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 7 ก.ค. ถึง 7 ก.ย.2564 โดยความร่วมมือระหว่างธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) กับ บสย. ซึ่งได้มีการอนุมัติวงเงินสินเชื่อไปแล้ว 1,010 ล้านบาท เป็นจำนวนทั้งสิ้น 190 ราย

ทั้งนี้ โครงการจับคู่กู้เงินสถาบันการเงินกับ SMEs ส่งออก จะดำเนินการต่อไปในเฟสที่ 2 โดยจะต่ออายุโครงการออกไปอีก 60 วัน ตั้งแต่วันที่ 7 ก.ย.-7 พ.ย.2564 คาดว่าช่วงเฟสที่ 2 นี้ จะสามารถอนุมัติวงเงินต่อลมหายใจให้ SMEs ส่งออกได้อีกไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งรวมแล้ว ทั้ง 2 โครงการ คาดว่าจะช่วยปล่อยวงเงินสินเชื่อเพิ่มเงินหมุนเวียนให้กับธุรกิจร้านอาหารและ SMEs ส่งออกได้ไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท
         
น.ส.ประภัสสร รังสิโรจน์ นายกสมาคมร้านอาหารไทยและสตรีทฟู๊ด กล่าวว่า ขอบคุณนายจุรินทร์ที่ได้จัดทำโครงการดี ๆ เพื่อพวกเราร้านอาหารได้ยืดลมหายใจ ทุกคนอยากให้มีโครงการแบบนี้อีก เพราะระยะเวลาของโควิด-19 มีการติดเชื้อยาวนานเหลือเกิน การจะอยู่รอดต้องมีสายป่านที่ยาวขึ้น โดยวงเงินที่ได้ จะช่วยเยียวยาและช่วยให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้
         
รายงานข่าวจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมการค้าต่างประเทศ ระบุว่า โครงการ “จับคู่กู้เงิน” สถาบันการเงินกับร้านอาหาร สถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการและได้มีการอนุมัติสินเชื่อ ประกอบด้วยธนาคารออมสิน 1,453 ราย วงเงิน 1,021.37 ล้านบาท ธ.ก.ส. 216 ราย วงเงิน 217.10 ล้านบาท ธนาคารกรุงไทย 176 ราย วงเงิน 247.69 ล้านบาท SME D Bank 146 ราย วงเงิน 205.66 ล้านบาท บสย. 874 ราย วงเงิน 907.93 ล้านบาท โดยผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อแยกตามภูมิภาค ดังนี้ กรุงเทพฯ 860 ราย วงเงิน 465.65 ล้านบาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1,230 ราย วงเงิน 1,584.54 ล้านบาท ภาคใต้ 247 ราย วงเงิน 142.22 ล้านบาท ภาคเหนือ 372 ราย วงเงิน 302.29 ล้านบาท ภาคกลาง 156 ราย วงเงิน 105.08 ล้านบาท
         
ส่วนโครงการ “จับคู่กู้เงิน” สถาบันการเงินกับ SMEs ส่งออก ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อแยกตามภูมิภาค กรุงเทพฯ และปริมณฑล 120 ราย วงเงิน 746.80 ล้านบาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10 ราย วงเงิน 29.60 ล้านบาท ภาคใต้ 16 ราย วงเงิน 68.20 ล้านบาท ภาคเหนือ 16 ราย วงเงิน 41.40 ล้านบาท ภาคกลาง 28 ราย วงเงิน 125.20 ล้านบาท โดยได้รับเงื่อนไขดอกเบี้ยพิเศษ 3.99% ต่อปี ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ใช้เพียง บสย.ค้ำประกันเท่านั้น และปลอดค่าธรรมเนียม 2 ปี อนุมัติวงเงินภายใน 7 วันทำการ รับกรมธรรม์ประกันการส่งออกฟรี 1 Shipment รับสิทธิประโยชน์ในการเข้าร่วมการอบรมหลักสูตรด้านการค้าระหว่างประเทศของกระทรวงพาณิชย์และศูนย์ความเป็นเลิศทางการค้าของ EXIM Bank

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad