หุ้นรถยนต์ดาวรุ่ง PACO โกยกำไร Q3 โตแรง 50% 9 เดือนมีกำไรแล้ว 92 ล้านบาท - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

หุ้นรถยนต์ดาวรุ่ง PACO โกยกำไร Q3 โตแรง 50% 9 เดือนมีกำไรแล้ว 92 ล้านบาท


หุ้นรถยนต์ดาวรุ่ง PACO โกยกำไร Q3 โตแรง 50% 9 เดือนมีกำไรแล้ว 92 ล้านบาท

       คว้าสัญญาใหญ่กว่า 800 ล้านบาท ธุรกิจใหม่ OEM เสริมแกร่งฐานธุรกิจเดิม

รับผลดีหลายต่อ ตลาดรถยนต์ฟื้นตัว อลูมิเนียมราคาลง หลังคาโซลาร์ลดค่าไฟเต็มปี

 

“PACO” หรือ บมจ. เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ โชว์ผลประกอบการไตรมาส 3/2564เติบโตแรง มีรายได้รวม 192  ล้านบาท กำไรสุทธิเติบโต 50% เป็น 32 ล้านบาท เผย 9 เดือนแรก PACO มีกำไรแล้วกว่า 92 ล้านบาท ผู้บริหารมั่นใจปีนี้เติบโตเข้าเป้า ชี้ตลาดรถยนต์โลกฟื้นตัวดีหนุนรายได้เติบโต พร้อมเปิดแผนธุรกิจเชิงรุกต่อเนื่อง พร้อมรับผลดี ต้นทุนไฟฟ้าและอลูมิเนียมลดลง


นายสมชาย เลิศขจรกิตติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) “PACO” ผู้นำด้านการผลิตชิ้นส่วนแอร์รถยนต์ชั้นนำของไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความยินดีที่จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2564 ซึ่งบริษัทฯ มีรายได้รวม 192 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากรายได้รวม 171 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส3/2563 และมีกำไรสุทธิ 32 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 50% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 21 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปีก่อน ซึ่งในไตรมาสนี้ มีรายได้รวมของ PACO เติบโตดีขึ้นตามอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยที่กลับมาขยายตัวอีกครั้ง และการฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวเร็วกว่าไทยและกำลังกลับสู่การขยายตัวอีกครั้ง หลังประเทศที่พัฒนาแล้วในยุโรป และสหรัฐอเมริกามีการเปิดเมือง พร้อมเศรษฐกิจกลับสู่สภาวะปกติ

 

โดย  PACO มีอัตรากำไรสุทธิ (Net Margin) ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 3 ปีนี้  อัตรากำไรสุทธิของ PACO เพิ่มขึ้นเป็น 16% ซึ่งนับเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ค่อนข้างสูงเนื่องจาก PACO เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่เน้นตลาดอะไหล่ทดแทน(Aftermarket Parts) จึงสามารถกำหนดราคาขายสินค้าได้เอง และมีการแข่งขันด้านราคาที่น้อยกว่า โดยอัตรากำไร สุทธิของบริษัทฯ ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 12% ในปีก่อน สำหรับงบการเงิน 9 เดือนแรกปี 2564 PACO มีรายได้รวม 578 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากรายได้รวม 540 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วง 9เดือนแรกปี 2563 โดยมีกำไรสุทธิ 92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% จากเมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 67 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งนับเป็นการเติบโตสูงและต่อเนื่อง สวนทางสภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด 19

 

 “ล่าสุด PACO ประสบความสำเร็จในการขยายเข้าสู่ตลาดใหม่อย่างเต็มตัว คือธุรกิจรับจ้างผลิตชิ้นส่วนให้ผู้ผลิตรถยนต์ (OEM Market) จากเดิม PACO มุ่งเน้นธุรกิจผลิตสินค้าสำหรับตลาดอะไหล่เครื่องปรับอากาศ (Spare Part) รถยนต์รุ่นต่างๆ เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปทวีปต่างๆ ทั่วโลก (Aftermarket) เพียงอย่างเดียว โดยเมื่อเร็วๆ นี้PACO ได้รับสัญญารับจ้างผลิตชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศรถยนต์ จำนวนหลายรุ่น ให้กับผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกรายหนึ่ง โดยมีอายุสัญญารับจ้างผลิตชิ้นส่วนหลัก (OEM : Original Equipment Manufacturer เพื่อนำชิ้นส่วนไปใช้ในการประกอบรถยนต์) เป็นระยะเวลา 4 ปี ตั้งแต่ 2565-2569  และได้รับสัญญาต่อเนื่องเพื่อผลิตสินค้าเพื่อเป็นอะไหล่อีก 10 ปี ซึ่งสัญญานี้มีมูลค่าประมาณ 800 ล้านบาท -1,200 ล้านบาทโดยบริษัทฯ จะเริ่มการผลิตและรับรู้รายได้ทันทีภายในไตรมาส 1 ปีหน้า (2022)  ซึ่งสัญญาการรับจ้างผลิตชิ้นส่วนหลักให้ผู้ผลิตรถยนต์ (OEM) ครั้งนี้ นับเป็นสัญญารับจ้างผลิตชิ้นส่วนหลักมูลค่าสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัทฯ และที่สำคัญ บริษัทฯ เชื่อว่า ตลาด OEM  ชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศรถยนต์มีโอกาสเติบโตสูง เนื่องจากอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัวอีกครั้งจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก อีกทั้งการทยอยเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ จำนวนมากของค่ายรถยนต์เข้าสู่ตลาด และPACO มีไลน์การผลิต อุปกรณ์เครื่องจักรมาตรฐานสากล พร้อมผลิตสินค้าให้ลูกค้าได้ทันทีโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม อีกทั้งมีคู่แข่งน้อยรายในธุรกิจ จึงเชื่อมั่นว่า PACO มีโอกาสรับงานรับจ้างผลิต OEM ได้อีกจำนวนมาก”

         

            นอกจากนี้  PACO เตรียมขยายตลาดส่งออก ซึ่งคาดว่าจะเติบโตได้ดี โดยบริษัทฯ เชื่อมั่นว่า ตลาดรถยนต์ทั่วโลกฟื้นตัวดี มีคำสั่งซื้อรถยนต์ใหม่ และอะไหล่รถยนต์เพิ่มมากขึ้น โดยตลาดส่งออกหลักของบริษัทฯ คือประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง มีเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจากราคาน้ำมันในตลาดโลก ที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง จากความต้องการใช้น้ำมันที่มากขึ้นจากการเปิดเมือง ของสหรัฐอเมริกา และทวีปยุโรป ทำให้บริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อแอร์รถยนต์ซึ่งเป็นสินค้าหลักเพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้บริษัทฯ ได้รับผลดีจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเนื่องจากรายได้หลักของบริษัทฯ ซึ่งมาจากการส่งออกกว่า 60% ประกอบกับราคาวัตถุดิบ เช่น อลูมิเนียมเริ่มปรับตัวลดลง (หลังจากปรับตัวสูงขึ้นในช่วง 9 เดือนแรก ซึ่ง PACO ได้ปรับขึ้นราคาขายสินค้าเพื่อสะท้อนต้นทุนและรักษาอัตรากำไร) ไปส่วนตลาดในประเทศ  PACO มั่นใจว่า แผนการขยายเครือข่ายร้านอะไหล่แอร์รถยนต์ครบวงจร ภายใต้แบรนด์ PACO Auto Hub ได้ถึง 300 สาขาภายในปีนี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขาย ตลอดจนสร้างแบรนด์ PACO ให้เป็นที่ รู้จักในกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ในประเทศ และเสริมความแข็งแกร่งด้านช่องทางการจำหน่ายสินค้า จึงมั่นใจว่าปีนี้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ จะเติบโตมากกว่าเป้าหมาย 15%”  

โดยก่อนหน้านี้ PACO ได้เริ่มขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้ปัจจุบันมียอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ Plug-in Hybrid ทั่วโลกมากกว่า 11 ล้านคัน ณ สิ้นปี 2563 และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 230 ล้านคันภายในปี 2573  โดยผลิตภัณฑ์ของ PACO คือ EV Battery Cooler มีจุดเด่นที่มีคุณภาพเทียบเคียงกับอะไหล่แท้ ในราคาที่ต่ำกว่าประมาณกว่า 200% และมีการรับประกันสินค้านานถึง 12 เดือน โดยบริษัทฯ จะมุ่งเน้นตลาดส่งออกเป็นหลัก และต่อไปจะมีวางจำหน่ายตลาดในประเทศในเครือข่ายร้าน PACO Auto Shop กว่า 200 สาขา ในปัจจุบัน” นายสมชายกล่าวปิดท้าย               

บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือPACO มีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท ก่อตั้งมาแล้วกว่า 30 ปี เป็น 1ในผู้บุกเบิกการผลิตชิ้นส่วนแอร์รถยนต์ของไทย และได้พัฒนาผลิตภัณฑ์อะไหล่แอร์รถยนต์แบบครบวงจร ทั้ง คอยล์ร้อน และคอยล์เย็น สำหรับรถที่มียอดจำหน่ายปานกลางถึงสูง ทั้งรถญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกัน รวมมากถึง 2,600 รุ่น โดยบริษัทฯ มี โรงงานผลิต 3 แห่ง ตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร และศูนย์กระจายสินค้า 1 แห่ง ตั้งอยู่ ในเขตบางบอน กรุงเทพมหานคร บริษัทฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานสากลISO 9001:2015 และได้จำหน่ายสินค้าภายในประเทศ และ ส่งออกไปทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป อเมริกาใต้ เอเชียและออสเตรเลีย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad