กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศชี้เป้าผู้ส่งออกใช้ FTA อาเซียน-เกาหลีใต้ และ RCEP ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ เป็นใบเบิกทางเจาะตลาดเกาหลีใต้ หลังพบจะลดภาษีเพิ่มเติมให้ไทยอีกเพียบ ทั้งผลไม้ อาหารทะเล อาหารสัตว์เลี้ยง ไม้ยางพารา และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง แถมได้ประโยชน์จากการสะสมถิ่นกำเนิดสินค้าที่ยืดหยุ่นมากขึ้น
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ในปี 2565 แนวโน้มเศรษฐกิจของเกาหลีใต้จะขยายตัวเพิ่มขึ้น จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศ ส่งผลให้ความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้ากลุ่มวัตถุดิบที่ใช้ในภาคการผลิตของเกาหลีใต้อยู่ในช่วงขาขึ้น จึงเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการไทยจะขยายการส่งออกไปตลาดเกาหลีใต้ได้เพิ่มขึ้น โดยในการส่งออกสามารถเลือกใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) 2 ฉบับ ได้แก่ อาเซียน-เกาหลีใต้ (AKFTA) ที่มีผลบังคับใช้แล้ว และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่กำลังจะเริ่มบังคับใช้กับเกาหลีใต้ในวันที่ 1 ก.พ.2565
ทั้งนี้ ภายใต้ AKFTA เกาหลีใต้ได้ยกเลิกเก็บภาษีนําเข้าสินค้าให้ไทยกว่า 90.9% ของรายการสินค้าทั้งหมด เช่น รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์พลาสติก ยางพารา เนื้อปลาและกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง และน้ำตาลดิบ และภายใต้ RCEP เกาหลีใต้จะยกเลิกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าให้ไทย สัดส่วน 90.7% ของรายการสินค้าทั้งหมด โดยมีสินค้าที่ไทยประสบความสำเร็จในการผลักดันให้เกาหลีใต้เปิดตลาดเพิ่มเติมจาก AKFTA หลายรายการ เช่น ทุเรียน มังคุด ฝรั่ง มะละกอ และอินทผาลัม เก็บภาษีที่อัตรา 24-36% และไม้ยางพารา อัตราภาษี 5% โดยจะทยอยลดจนเหลือ 0% ในปี 2574 สำหรับปลาซาร์ดีนกระป๋อง ทูน่าแปรรูป และอาหารทะเลแปรรูป เก็บภาษีที่อัตรา 20% อาหารสัตว์เลี้ยง อัตราภาษี 40.4% เด๊กตรินและโมดิไฟด์สตาร์ช อัตราภาษี 100.6-192.8% และแป้งมันสำปะหลัง อัตราภาษี 5% ซึ่งจะทยอยลดจนเหลือ 0% ในปี 2579 ส่วนผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เก็บภาษีที่อัตรา 20% และภาษีนอกโควตา 40% จะทยอยลดภาษีจนเหลือ 0% ในปี 2584
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยจะได้ประโยชน์จากการเพิ่มโอกาสสะสมถิ่นกำเนิดในเครือข่ายการผลิตสินค้าจากสมาชิก RCEP ทั้ง 15 ประเทศ ซึ่งใช้เกณฑ์ถิ่นกำเนิดสินค้าเดียวกัน ทำให้มีความสอดคล้องและยืดหยุ่นมากขึ้น และยังสามารถสะสมวัตถุดิบในการผลิตได้จากหลายแหล่งมากขึ้น
“ผู้ประกอบการไทยควรเตรียมความพร้อมใช้ประโยชน์จากความตกลง RCEP เพื่อขยายส่งออกสินค้าไปตลาดเกาหลีใต้เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งตรวจสอบสิทธิประโยชน์ในกรอบ FTA ต่าง ๆ และเลือกใช้ให้ความเหมาะสมกับลักษณะธุรกิจ โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลอัตราภาษีนำเข้าของเกาหลีใต้ ทั้งความตกลง AKFTA และ RCEP ได้ที่เว็บไซต์กรมฯ http://tax.dtn.go.th และข้อมูลกฎถิ่นกำเนิดสินค้าของ FTA ฉบับต่าง ๆ ได้ที่ http://www.thailandntr.com”นางอรมนกล่าว
สำหรับเกาหลีใต้ เป็นตลาดคู่ค้าสำคัญของไทย โดยในช่วง 11 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-พ.ย.) ไทยส่งออกไปเกาหลีใต้ มูลค่า 5,373 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 39% สินค้าส่งออกสำคัญของไทยที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้น ได้แก่ สินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป ส่งออกมูลค่า 987 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 21% เช่น ยางพารา เพิ่ม 62% อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เพิ่ม 37% น้ำตาลทราย เพิ่ม 27% ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เพิ่ม 25% และปลาหมึก (มีชีวิต สด แช่เย็นแช่แข็ง) เพิ่ม 11% ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม ส่งออกมูลค่า 4,012 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 37% เช่น ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เพิ่ม 69% คอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพิ่ม 60% เคมีภัณฑ์ เพิ่ม 43% แผงวงจรไฟฟ้า เพิ่ม 42% และผลิตภัณฑ์ยาง เพิ่ม 37%
วันจันทร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2565
กรมเจรจาฯ ชี้เป้าผู้ส่งออกใช้ประโยชน์จาก AKFTA และ RCEP เจาะตลาดเกาหลีใต้
Tags
# ธุรกิจ การตลาด
Share This
About preecha binmanoch
ธุรกิจ การตลาด
ป้ายกำกับ:
ธุรกิจ การตลาด
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
Author Details
Templatesyard is a blogger resources site is a provider of high quality blogger template with premium looking layout and robust design. The main mission of templatesyard is to provide the best quality blogger templates which are professionally designed and perfectlly seo optimized to deliver best result for your blog.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น