“เอ-วัน กรุ๊ป” ทุ่มงบกว่า 250 ล้าน รีโนเวทโรงแรม รับท่องเที่ยวฟื้น เร่งปรับกลยุทธ์ รุกตลาดครอบครัว และกลุ่มตลาดเอเชีย - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2565

“เอ-วัน กรุ๊ป” ทุ่มงบกว่า 250 ล้าน รีโนเวทโรงแรม รับท่องเที่ยวฟื้น เร่งปรับกลยุทธ์ รุกตลาดครอบครัว และกลุ่มตลาดเอเชีย


“เอ-วัน กรุ๊ป” ทุ่มงบกว่า 250 ล้าน รีโนเวทโรงแรม รับท่องเที่ยวฟื้น

เร่งปรับกลยุทธ์ รุกตลาดครอบครัว และกลุ่มตลาดเอเชีย


กลุ่มโรงแรม เอ-วัน คาดการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว ปัจจัยจากคนไทยปรับตัวคุ้นชินกันชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ทุ่มงบ 250 ล้านบาท รีโนเวท โรงแรมเอ-วัน พัทยา เตรียมเปิดโซน “Kids Club” เจาะกลุ่มตลาดครอบครัว พร้อมปรับกลยุทธ์ดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวตลาดเอเชีย ทดแทนตลาดยุโรปยอดแผ่วจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ตั้งเป้าปีนี้โต 20%

นายสมชัย รัตนโอภาส ประธานกรรมการบริหารกลุ่มโรมแรม เอ-วัน เผยว่า ด้วยยอดตัวเลขผู้ป่วย โควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบต่อเนื่องกว่า 2 ปีที่ผ่านมา กลุ่มโรงแรมเอ-วัน ได้เตรียมแผนตั้งรับและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และต้องการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขวิกฤตดังกล่าว จึงได้จับมือกับ โรงพยาบาลวิชัยเวช แบ่งปันพื้นที่ส่วนหนึ่งของโรงแรมเอ-วันกรุงเทพฯ เปิดบริการ Hospitel และ Alternative State Quarantine (AQ) เนื่องด้วยมีห้องพักกว้างขวาง มีทำเลที่ตั้งใกล้ถนนสายสำคัญอย่างถนนสุขุมวิท ง่ายต่อผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศและต้องกักตัวเพื่อรอผล RT-PCR ตามที่รัฐบาลกำหนด โดยการดำเนินการทั้งหมดอยู่ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดที่รัดกุม ควบคู่ไปกับการเปิดให้บริการโรงแรมเอ-วัน กรุงเทพฯ ในอีกอาคารตามปกติ ดึงดูด 3 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มนักท่องเที่ยว Medical Tourism หรือ Wellness Tourism ที่เข้าพักแบบระยะยาว กลุ่มนักท่องเที่ยวปกติที่เข้าพักแบบระยะสั้น และกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำให้มีลูกค้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่องทดแทนลูกค้าในกลุ่มของนักท่องเที่ยวที่ลดลงจากโควิด-19 ส่งผลให้ภาพรวมมียอดจองเข้าพักอยู่ที่ 90%

สำหรับโรงแรม เอ-วัน พัทยา ปีที่ผ่านมาแม้ภาพรวมการท่องเที่ยวเมืองพัทยายังคงซบเซา จากปัจจัยนักท่องเที่ยวต่างชาติลงลด แต่ด้วยฐานกลุ่มลูกค้าของ เอ-วัน พัทยา ที่เน้นทำการตลาดทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศอยู่แล้ว จึงได้รับผลกระทบไม่มาก และด้วยความหลายหลายของโรงแรมเอ-วัน พัทยา ที่มีตั้งแต่ระดับ 3 ดาว ไปจนถึง 5 ดาว ได้แก่ A-One Star Hotel โรงแรม 3 ดาว ตกแต่งเรียบง่ายสไตล์มินิมอล จับกลุ่มวัยรุ่น, A-One The Royal Cruise Hotel โรงแรม 4 ดาวที่เป็น Iconic ด้วยดีไซน์รูปเรือสุดหรูและเป็น Landmark ของพัทยา จับกลุ่มครอบครัวขนาดใหญ่, A-ONE Pattaya Beach Resort โรงแรมที่มีแนวคิด Easy Wheelchair Access จับกลุ่มครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ, A-One New Wing Hotel โรงแรม 4 ดาว ตกแต่งในสไตล์ Cruise Ship และ Mytt Beach Hotel โรงแรม 5 ดาว จับกลุ่มวัยทำงาน ทำให้โรงแรมเอ-วัน พัทยา สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้อย่างครอบคลุมทุกกลุ่ม รวมถึงยังได้ปรับปรุงร้านอาหาร เมนู รวมถึงบริการอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความพึงพอใจและความภักดีต่อแบรนด์เอ-วัน แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ ทุกครั้งที่มาเที่ยวพัทยา ไม่ว่าจะแบบค้างคืน หรือ ไปเช้าเย็นกลับ ต้องนึกถึงเอ-วัน นอกจากนี้ยังได้เตรียมเปิดโซนใหม่ Kids Club ในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ เพื่อเจาะกลุ่มตลาดครอบครัวโดยเฉพาะ เนื่องจากเห็นโอกาสการเติบโตของกลุ่มนี้ และด้วยบริการต่างๆ ของเอ-วัน อย่าง ห้องฟิตเนส ห้องอาหารหลากหลายสไตล์ สปา ซึ่งเป็นจุดแข็งที่จะทำให้ลูกค้าสามารถใช้เวลาพักผ่อนได้อย่างครบวงจร


นายศุภชัย รัตนโอภาส ผู้ช่วยประธานบริหารกลุ่มบริษัท เอ-วัน และกรรมการผู้จัดการโรงแรมมิตร์บีช พัทยา เปิดเผยว่า ในส่วนของ โรงแรมมิตร์บีช พัทยา ซึ่งเป็นโรงแรม 5 ดาว ของเครือ เอ-วัน ซึ่งเน้นเจาะกลุ่มไลฟ์สไตล์ แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบดนตรี แต่เมื่อเกิดวิกฤติโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถจัดกิจกรรม คอนเสิร์ต เทศกาลดนตรีได้ ประกอบกับการท่องเที่ยวที่ซบเซาจึงปรับไดเร็กชั่นเป็นสถานที่พักผ่อนครบวงจร พัฒนาเมนูอาหารให้มีความหลากหลาย และมีบริการที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะ ในมิติการดื่ม กิน เที่ยว และสุขภาพ ครบคลุมทุกเจเนอร์เรชั่น ได้แก่

“Pippa” ร้านอาหารกึ่ง Rooftop Bar ชั้น 19 จับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ตกแต่งในธีม Forest เนื่องจากต้องการสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศอันร่มเย็นของป่าไม้ แต่เมื่อเดินออกมาด้านนอก จะพบกับวิวพาโนราม่าของทะเลพัทยา ชมพระอาทิตย์ตกดิน รวมถึงยังแบ่งโซนทั้ง Indoor-Outdoor และมีโซนพื้นที่ส่วนตัวไว้สำหรับจัด Private Party โดยเน้นเมนูอาหารสไตล์เอเชี่ยนทวิสต์เป็นหลัก

ส่วน “วันทนา” เดิมเป็นร้านอาหารไทยที่เซิร์ฟอาหารซีฟู้ดก็ได้ปรับให้กลายเป็นร้านอาหารไทยสูตรต้นตำรับ เน้นวัตถุดิบท้องถิ่น จับกลุ่มครอบครัว และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ชื่นชอบอาหารไทยรสชาติดั้งเดิม และสำหรับ “Fat Coco” จากเดิมที่เป็นคาเฟ่และอาหารอิตาเลี่ยน เน้นพิซซ่าและเครื่องดื่ม ก็เปลี่ยนเมนูเป็นซีฟู้ด และซีฟู้ด-หมูกระทะพรีเมี่ยม ราคาจับต้องได้ มีโซน Beach Club ภายในร้านให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจเพื่อจับกลุ่มวัยรุ่นทั้งในเมืองพัทยา และนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ

นอกจากนี้ มิตร์บีช พัทยา ยังเดินหน้าธุรกิจไมซ์ (MICE) ให้บริการจัดงานประชุมสัมมนาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบริการห้องจัดเลี้ยงที่จุได้ถึง 1,000 คน จากเดิมที่มีอยู่แล้วก็พัฒนาให้ดีขึ้นเพิ่มให้สามารถแข่งขันกับผู้ให้บริการรายอื่นได้ เนื่องจากมองเห็นศักยภาพของเมืองพัทยาที่เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ อีกทั้งตลาดการจัดเลี้ยงจัดประชุมก็เริ่มกลับมาแล้ว ประกอบกับทำเลที่ตั้งของโรงแรมอยู่เรียบหาดพัทยากลาง ซึ่งเป็นใจกลางเมืองพัทยา และยังมีบริการที่จอดรถฟรีสำหรับผู้มาประชุมอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad