องค์กร WildAid และ WWF ประเทศไทย ระดมน้องเหมียว ชวน ‘มานุดหยุดกินฉลาม’
เปิดตัวโครงการ ‘เหมียว ช่วย ฉลาม – Cats for Sharks’
องค์กรไวล์ดเอด (WildAid) และองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล สำนักงานประเทศไทย (WWF ประเทศไทย) เปิดตัวโครงการรณรงค์ ‘เหมียว ช่วย ฉลาม – Cats for Sharks’ ระดมพลังแมว 1 ในสัตว์เลี้ยงยอดนิยม ของคนไทยและทั่วโลก มาร่วมขับเคลื่อนการปกป้องฉลาม ด้วยการโน้มน้าวให้ผู้ที่รักและเลี้ยงแมว ผู้รักสัตว์เลี้ยง และคนทั่วไป เลิกบริโภค เพราะเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ประชากรฉลามทั่วโลกกำลังมีจำนวนลดลง จนอาจกระทบความสมดุลของ ท้องทะเล และขอเชิญชวนให้ทุกคนอัพโหลดรูปแมว หรือสร้างสรรค์แมวในแบบของตัวเองที่ www.catsforsharks.com พร้อมติด แฮชแท็ก #CatsForSharks #มานุดจงหยุดกินฉลาม เพื่อบอกต่อเพื่อนและคนในครอบครัวให้ร่วมกันเลิกบริโภคเมนูจากฉลาม
นอกจากนี้ ทั้ง 2 องค์กร ได้เผยแพร่ภาพยนตร์โฆษณา ที่มีแมวเป็นตัวเอกของเรื่อง เล่าให้ ‘มานุด’ ที่กำลังกิน หูฉลามฟังว่า หากฉลามที่เป็นผู้คุมระบบนิเวศในทะเลหายไป ปลาและสัตว์ทะเลบางชนิดอาจมีมากหรือน้อยเกินไป จนทำให้ทะเลเสียสมดุล และอาจส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเลหลายๆ อย่างที่เป็นอาหารของมนุษย์และน้องแมวอีกด้วย
ทั้งนี้ โครงการ ‘เหมียว ช่วย ฉลาม – Cats for Sharks’ ใช้กลยุทธ์การสื่อสารผ่านแมว ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงที่มี ความใกล้ชิดกับมนุษย์เป็นผู้บอกเล่าเรื่องฉลาม ให้เป็นเรื่องใกล้ตัวมากยิ่งขึ้น โดยเป็นกลยุทธ์การตลาดที่หลายแบรนด์ นิยมใช้เพื่อเพิ่มพลังในการสื่อสาร แต่นี่คือครั้งแรกที่ ‘น้องแมว’ จะช่วยบอกเล่าเรื่องเร่่งด่วนของ ‘ฉลาม’ ให้ ‘มนุษย์’ ทราบ และเร็วๆ นี้ เหล่าน้องแมวจากเพจแมวที่มีชื่อเสียงจะมาช่วยกันบอกต่อ ถึงความสำคัญและสถานภาพที่น่าเป็นห่วงของฉลามไปยังผู้ติดตามผ่านช่องทางออนไลน์อีกด้วย
จากผลสำรวจขององค์กรไวล์ดเอด ปี พ.ศ. 2560 พบว่าคนไทยจำนวนมากยังคงมีความต้องการบริโภคหูฉลาม โดยคนไทยที่อาศัยในเขตเมืองทั่วประเทศมากกว่าครึ่งเคยบริโภคหูฉลาม และมากกว่า 60% มีแนวโน้มจะบริโภค หูฉลามในอนาคต นอกจากนั้นในการประเมินสถานภาพทางการอนุรักษ์ของฉลามในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2563 โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) พบว่า ฉลามที่พบได้ในน่านน้ำไทยกว่าครึ่ง หรือ 47 ชนิด จาก 87 ชนิด มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ (Vulnerable) ไปจนถึงใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง (Critically endangered) จากการทำ ประมงเกินขนาดและการถูกจับเป็นสัตว์น้ำพลอยได้ส่วนการประเมินความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของปลาฉลามและปลากระเบน ทั่วโลกครั้งใหม่ โดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ที่เผยแพร่ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว พบว่า 1 ใน 3 ของสายพันธุ์ฉลามและกระเบนทั่วโลก กำลังเสี่ยงสูญพันธุ์จากการจับปลาเกินขนาดเพื่อนำทุกชิ้นส่วนไปบริโภค หากฉลามหายไป อาจส่งผลเสียหายต่อระบบนิเวศ เพราะฉลามมีบทบาทสำคัญช่วยรักษาความสมดุลของท้องทะเล
“ฉลามยังคงเผชิญภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วง การรณรงค์เพื่อลดการบริโภคยังคงมีความจำเป็นต้องทำอย่างต่อเนื่อง เราจึงหาวิธีใหม่ๆ เพื่อทำให้เรื่องนี้เป็นที่สนใจของสังคมอยู่เสมอ เราหวังว่าโครงการ ‘เหมียว ช่วย ฉลาม’ จะสามารถ สื่อสารไปยังกลุ่มคนใหม่ๆ ที่เราไม่เคยเข้าถึงมาก่อน และโน้มน้าวผู้ที่บริโภคให้ปฏิเสธเมนูจากฉลามอย่างถาวร เพราะเราเชื่อว่า ทุกคนอยากมีส่วนร่วมในการปกป้องท้องทะเลเช่นกัน” มร. จอห์น เบเกอร์ ผู้อำนวยการโครงการรณรงค์ องค์กรไวล์ดเอด กล่าว
ฉลาม มีบทบาทสำคัญต่อความอุดมสมบูรณ์ของมหาสมุทร เช่น งานวิจัยที่ตีพิมพ์เมื่อปีที่แล้ว พบ ฉลามเสือช่วยทำให้เต่าทะเล และพะยูนหากินตามแนวหญ้าทะเลแบบกระจายตัว เพราะความระแวงฉลามเสือ จึงเป็นการป้องกันแนวหญ้าทะเลบางบริเวณ ไม่ไห้ได้รับความเสียหายมากเกินไป แนวหญ้าทะเลนอกจากจะเป็น แหล่งอาศัยของสัตว์น้ำวัยอ่อนแล้ว ยังเป็นแหล่งดูดซับ และกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ได้เร็วกว่าป่าฝนเขตร้อนถึง 35 เท่า ดังนั้น จึงเท่ากับว่าฉลามเสือช่วยชะลอผลกระทบของการ เปลี่ยนแปลงภูมิอากาศทางอ้อมอีกด้วย
นอกจากนี้ ฉลามยังเป็นหลักประกันชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์หลายล้านคนทั่วโลกที่ต้องพึ่งพาระบบนิเวศทางทะเล เพื่อเป็นแหล่งอาหาร หรือสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวและการดำรงชีวิต ดังนั้นการค้าและการบริโภคผลิตภัณฑ์จากฉลามที่ไม่ยั่งยืน เช่น ครีบ เนื้อ น้ำมัน รวมถึงการถูกจับเป็นสัตว์น้ำพลอยได้ กำลังทำให้ประชากรฉลามหลายชนิดทั่วโลก ลดลงอย่างน่าเป็นห่วง
“เราหวังว่าโครงการ ‘เหมียว ช่วย ฉลาม – Cats for Sharks’ จะทำให้ผู้บริโภคเข้าใจถึงความเชื่อมโยงระหว่างการบริโภค ที่ไม่ยั่งยืนของผลิตภัณฑ์ฉลามและกระเบน ที่มีต่อการลดลงของประชากรอย่างน่าเป็นห่วง อันที่จริง เราเริ่มเห็นการสูญพันธุ์ เป็นครั้งแรกของโลกแล้ว ซึ่งอาจรวมถึงฉลามอย่างน้อย 1 ชนิดที่เคยพบเห็นได้ในน่านน้ำไทย หากเราร่วมกันลดการบริโภค ตั้งแต่บัดนี้ สถานการณ์ต่างๆ อาจยังไม่สายเกินไป ” ดร. แอนดี้ คอร์นิช หัวหน้าโครงการอนุรักษ์ปลาฉลามและปลากระเบน ทั่วโลก องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล กล่าว
นอกเหนือจากโครงการ ‘เหมียว ช่วย ฉลาม – Cats for Sharks’ องค์กรไวล์ดเอด และ WWF ประเทศไทย เตรียมเผยแพร่ สื่อรณรงค์เพื่อลดความต้องการบริโภคฉลามอย่างต่อเนื่องในปีนี้ และจะร่วมกับพันธมิตรในภาคส่วนต่างๆ เพื่อสร้างเครือข่าย สนับสนุนการมีส่วนร่วม และผลักดันแนวทางการอนุรักษ์ฉลามต่อไป
องค์กรไวล์ดเอด และ WWF ประเทศไทย ขอขอบคุณมูลนิธิเจ้าชายอัลเบิร์
ที่ให้การสนับสนุนโครงการรณรงค์
ชมวีดีโอรณรงค์ ‘ทาสมานุด! จงฟังเหมียว’: https://youtu.be/7eWNZ9oqiOw
ดาวน์โหลดสื่อเพื่อประกอบข่าว: https://bit.ly/3ICj14S
- ทุกปี ฉลามมากถึง 100 ล้านตัวถูกฆ่าทั่วโลก ในจำนวนนี้ครีบจากฉลามมากถึง 73 ล้านตัว ถูกนำไปบริโภค
- การประเมินความเสี่ยงต่อการสู
ญพันธุ์ของฉลามทั่วโลกครั้งใหม่ โดยองค์การระหว่างประเทศเพื่ อการอนุรักษ์ธรรมชาติ หรือ ไอยูซีเอ็น พ.ศ. 2564 ระบุว่า ฉลามทุกๆ 1 ใน 3 ชนิด หรือมากกว่า 160 ชนิด จาก 536 ชนิด กำลังเสี่ยงสูญพันธุ์จากการจั บปลาเกินขนาดเพื่อนำครีบ เนื้อ หนัง และทุกชิ้นส่วนไปบริโภค - งานวิจัยเรื่อง “Half a century of global decline in oceanic sharks and rays” ที่เปิดเผยเมื่อเดื
อนมกราคม พ.ศ. 2564 ตอกย้ำการลดลงของประชากรฉลาม โดยระบุว่า จำนวนฉลามและกระเบนในทะเลหลวงลด ลงกว่า 70% ในช่วงเวลา 50 ปีที่ ผ่านมา โดยมีสาเหตุหลั กจากการทำประมงเกินขนาด เพื่อตอบสนองความต้องการบริโภค - ผลการสำรวจขององค์กรไวล์ดเอด พ.ศ. 2560 พบว่าคนไทยในเขตเมื
องมากกว่าครึ่งเคยบริโภคหรือยั งคงบริโภคหูฉลามอยู่ ขณะที่ 61% ต้องการบริโภคหู ฉลามในอนาคต โดยผู้บริโภคทานหูฉลามบ่อยครั้ งที่สุดที่งานรื่นเริงต่างๆ เช่ น งานแต่งงาน (72%) งานรวมญาติ (61%) และงานเลี้ยงธุรกิจ (47%) - การประเมินสถานภาพทางการอนุรั
กษ์ของปลาฉลามในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2563 โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรั พยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ระบุว่า ฉลามที่พบได้ในน่านน้ำไทย 47 ชนิด จาก 87 ชนิด มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ ไปจนถึงเสี่ยงขั้นวิกฤตต่อการสู ญพันธุ์จากการทำประมงเกิ นขนาดและการถูกจับเป็นสัตว์น้ำ พลอยได้
เกี่ยวกับองค์กรไวล์ดเอด (
WildAid (www.wildaid.org) คือ องค์กรไม่แสวงผลกำไร มีเป้
www.wildaidthai.org http://www.facebook.com/
เกี่ยวกับองค์การกองทุนสัตว์ป่
องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล หรือ World Wide Fund for Nature (WWF) เป็นหนึ่งในองค์กรอนุรักษ์ระดั
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น