เศรษฐกิจเดินหน้า คนไทยอยากใช้จ่ายสูงสุดในช่วงครึ่งปี ‘ฮาคูโฮโด’ เสนอแบรนด์ เน้นกลยุทธ์เพิ่มความสุขกับครอบครัว ภายใต้ชีวิต “NOW NORMAL” - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2565

เศรษฐกิจเดินหน้า คนไทยอยากใช้จ่ายสูงสุดในช่วงครึ่งปี ‘ฮาคูโฮโด’ เสนอแบรนด์ เน้นกลยุทธ์เพิ่มความสุขกับครอบครัว ภายใต้ชีวิต “NOW NORMAL”

เศรษฐกิจเดินหน้า คนไทยอยากใช้จ่ายสูงสุดในช่วงครึ่งปี 

‘ฮาคูโฮโด’ เสนอแบรนด์ เน้นกลยุทธ์เพิ่มความสุขกับครอบครัว ภายใต้ชีวิต “NOW NORMAL”


ฮาคูโฮโด เปิดผลสำรวจใหม่ล่าสุด พบว่า คนไทยกลับมาใช้ชีวิตแบบปกติ เน้นการจับจ่ายใช้สอยเพื่อความสุขในปัจจุบัน 

พ่อแม่เน้นเตรียมความพร้อมให้ลูก ใส่ใจครอบครัว และใส่ใจตนเอง มีเวลาให้ตนเองมากขึ้น ต้องการซื้อสินค้าเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตนเอง

 

กรุงเทพฯ ประเทศไทย, มิถุนายน 2565 – สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) หรือ Hakuhodo Institute of Life and Living ASEAN (THAILAND) ร่วมกับบริษัท สปา-ฮาคูโฮโด จำกัด (SPA-HAKUHODO CO.,LTD) เผยผลสำรวจการคาดการณ์พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศไทยประจำเดือนมิถุนายน    พ.ศ. 2565 ว่าประเทศไทยกำลังเข้าสู่ช่วงการจับจ่ายสูงสุด คนไทยให้ความสำคัญกับตนเองและครอบครัวมากยิ่งขึ้น พร้อมเสนอให้แบรนด์ต่าง ๆ เร่งจัดโปรโมชันเพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภค อาทิ การจัดแคมเปญสำหรับสินค้าประเภทที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน การจัดโปรโมชันสำหรับสินค้าอุปกรณ์การเรียนให้ผู้ปกครองสามารถซื้อในราคาที่พึงพอใจเพื่อให้ลูกหลานได้เรียนอย่างทันสมัย หรือโปรโมชันสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันเพื่อความสบายใจในการตัดสินใจซื้อสินค้าชิ้นนั้น ๆ

 ปัจจุบันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้กลายเป็นเรื่องที่ผู้คนให้ความสำคัญลดน้อยลง เนื่องจากคนไทยเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แม้จะยังไม่ถึง 100% แต่ค่าความสุขของคนไทยนั้นเพิ่มมากขึ้นจากการสำรวจในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผลการสำรวจของสถาบันความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) ประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 ระบุว่าคนไทยมองหาความสุขในปัจจุบัน มากกว่าการคาดหวังถึงอนาคตที่ไม่แน่นอน

สำหรับภาพรวมการใช้จ่ายของคนไทย ผลวิจัยประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 พบว่า แต่ละช่วงวัยมีแนวโน้มในการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการสำรวจเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เนื่องจากคนไทยเริ่มปรับตัวให้ตนเองสามารถใช้ชีวิตตามปกติมากขึ้น ต้องการออกไปเติมความต้องการของตนเอง อยากจับจ่ายใช้สอยสิ่งที่ต้องการ ซึ่งจากผลสำรวจทั้งหมด 1,200 คน จากทั้ง 6 ภูมิภาคทั่วประเทศไทย ทำให้เห็นถึงเรื่องการย้ายถิ่นฐานกลับบ้านเกิดมากพอสมควร จุดนี้เองที่ทำให้ความต้องการในการจับจ่ายใช้สอยเพื่อซื้อของให้คนในครอบครัว โดยเฉพาะทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีความต้องการซื้อของเพื่อครอบครัวมากเป็นพิเศษ และอีกหนึ่งสิ่งเห็นได้จากผลสำรวจคือ คนที่อยู่ในอายุช่วง 20 - 39 ปี วัยทำงาน กลับมาใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น ต้องการออกมาใช้ชีวิตเพื่อความสุขของตนเอง


คุณชุติมา วิริยะมหากุล  ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า   “พฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนไทยกำลังจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติอีกครั้ง หลังจากต้องเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 มาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 2 ปี ทุกคนล้วนมีความต้องการในการจับจ่ายใช้สอย เพื่อซื้อความสุขให้กับตนเอง”

 

แนวโน้มความต้องการในการใช้จ่ายจากผลสำรวจการคาดการณ์พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศไทยประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 พบว่า ประเภทของสินค้าที่จะมีแนวโน้มในการจับจ่ายของคนไทยอันดับหนึ่งยังคงเป็น อาหาร แต่ที่น่าสนใจคือสินค้าประเภทของใช้ในชีวิตประจำวันอยู่ที่อันดับสองรองลงมา แต่กลับมีเปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้นถ้าหากเทียบกับผลสำรวจเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และอันดับสามยังคงเป็นประเภทโทรศัพท์มือถือและสมาร์ตโฟนซึ่งอันดับนี้ก็มีความน่าสนใจเช่นกัน เนื่องจากมีเปอร์เซ็นต์ในความต้องการซื้อที่ต่ำลง สะท้อนให้เห็นถึงเรื่องของความต้องการของคนไทยในยุคปัจจุบันที่ว่า ซื้อของใช้จำเป็นเพื่อตนเองและครอบครัวก่อน

             

“การที่คนไทยจะได้กลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติอีกครั้งถือเป็นสัญญาณที่ดี ได้ออกมาจับจ่ายซื้อของตามต้องการ โดยไม่ต้องกังวลต่อเรื่องใดมันจะส่งผลดีต่ออะไรอีกหลาย ๆ ด้าน ในอนาคตอย่างแน่นอน เช่นเรื่องความสุขของคนไทย จากผลสำรวจ คนไทยมีอัตราความสุขที่สูงขึ้น คนต้องการซื้อของเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเองและเพื่อครอบครัวถึงแม้ยังจะไม่มากแต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี”  คุณ ณัฐกานต์ วัฒนมงคลศิลป์ ตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ บริษัท สปา-ฮาคูโฮโด กล่าวเสริม

ผลการวิจัยประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 ของสถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) ระบุว่า ข่าวเรื่องการระบาดของโควิด-19 ไม่ใช่อันดับหนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจและเป็นที่พูดถึงมากที่สุด แต่กลับเป็นเรื่องของหัวข้อข่าว อาชญากรรม บ้านเมือง นับได้ว่านี่เป็นครั้งแรกในรอบปีที่โควิด-19 ไม่ใช่ประเด็นที่คนไทยให้ความสำคัญมากเป็นอันดับหนึ่งอีกต่อไป คนไทยเริ่มหันมาสนใจสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเพื่อเตรียมพร้อมกลับมาใช้ชีวิตปกติและเน้นถึงความสุขปัจจุบันมากกว่าอนาคต

คุณเรืองริน อักษรานุเคราะห์ นักจิตบำบัดความสัมพันธ์และครอบครัว ได้ให้ความเห็นที่ตรงกันกับผลสำรวจนี้ในมุมมองของนักจิตวิทยาไว้ว่า “ที่ผ่านมาคนไทยต้องอยู่ภายใต้ความหวาดระแวงกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 แต่หลังจากคนไทยเริ่มปรับตัวได้ในปีที่ผ่านมา มีการเริ่มปรับทัศนคติให้ไปในทางที่ดีขึ้น คนไทยหลายคนเริ่มสนใจสิ่งรอบข้างหรือเหตุการณ์บ้านเมืองยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความสนใจกับคนในครอบครัว ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตในการเป็นอยู่ ใส่ใจคนในครอบครัวมากขึ้น ให้เวลาในการสานสัมพันธ์กันระหว่างคนในครอบครัว คนหันมาสนใจเรื่องความสุขของตนเองและครอบครัว ณ ปัจจุบันมากกว่ามองถึงความสุขในอนาคต ซึ่งเป็นจุดสำคัญอีกหนึ่งจุดที่ทำให้เห็นว่าคนไทยกำลังกลับมามีชีวิตแบบปกติอีกครั้งในวิถี Now Normal มะเฟืองมองว่า  เพื่อทดแทนช่วงเวลาที่หายไป พ่อแม่ควรหาช่วงเวลาพิเศษกับลูก ๆ มากขึ้น อาทิ ไปทำกิจกรรมนอกบ้าน สอนการบ้านด้วยตัวเอง หรือ ไปจับจ่ายใช้สอยด้วยกันเพื่อความสุขของทุกคนในครอบครัว และ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัว ในขณะเดียวกันก็สามารถจะบาลานส์ความสุขส่วนตัว ให้เวลาตัวเองได้ด้วยเช่นเดียวกัน”


เพื่อให้แบรนด์สามารถทำการตลาดได้สอดคล้องกับสถานการณ์ช่วงหน้าฝนนี้ คุณ ธัชชัย กลีบบัว ตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ บริษัท สปา-ฮาคูโฮโด  ได้ให้คำแนะนำว่า

                       

1.  แบรนด์ควรใช้โอกาสนี้ในการสนับสนุนให้ “พ่อแม่ได้ใช้เวลาของตัวเองมากขึ้น” ช่วงที่ลูกอยู่โรงเรียน หลังจากที่ต้องดูแลลูกและทำงานที่บ้านมาเป็นระยะเวลาที่นานกว่า 2 ปี ทำให้มีความเครียด ความเหนื่อยล้า สะสมมากยิ่งขึ้น แต่ในตอนนี้โรงเรียนเริ่มกลับมาเปิดเทอม on site 100% แล้ว ทำให้เด็ก ๆ ได้กลับไปเรียนที่โรงเรียนตามปกติ ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีที่พ่อแม่ผู้ปกครองหลาย ๆ ท่าน จะได้กลับมามีเวลาพักผ่อนมากยิ่งขึ้น ดังนั้นแบรนด์ต่าง ๆ ควรมองเห็นถึงโอกาสในการทำ Emotional Maketing ในการสร้างแคมเปญ Happy To School โดยใช้ Key Message พ่วงกับโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อที่จะกระตุ้นให้พ่อแม่ผู้ปกครองหันมาซื้อของ ซื้อความสุขให้กับตัวเองมากยิ่งขึ้น


“ตอนนี้โรงเรียนได้กลับมาเปิดให้เรียนที่โรงเรียนครั้งหลังจากหายไปนานกว่า 2 ปี ซึ่งการเปิดเทอมนี้ก้เป็นหนึ่งในผลดีสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่จะได้มีเวลาให้กับตนเองมากยิ่งขึ้นสามารถจัดสรรเวลาให้ตนเองและครอบครัวได้อย่างลงตัว ซึ่งในยุค Now Normal นี้ ถือว่าเป็นโอกาสที่ดี ที่จะทำให้ครอบครัวกลับมาสานสัมพันธ์กันได้อย่างดีมากยิ่งขึ้น โดยที่ไม่ทิ้งความสุขของตัวเอง แต่กลับมีมากขึ้นในทางกลับกัน” คุณเรืองริน กล่าวเสริม


2. เป็นแรงขับเคลื่อนสังคมไทยให้ใช้ชีวิต “NOW NORMAL” เร็วที่สุด จากที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา 2 ปีเต็ม กับการระบาดของโควิด-19 คนไทยยังมีความรู้สึกไม่มั่นคงกับเรื่องของอนาคต แบรนด์ควรสร้างกระแสให้คนไทยมีความสุขและมีพลังใจในการกลับมาใช้ชีวิตตามปกติอีกครั้ง ด้วยการเชิญชวนคนไทยมาร่วมสร้าง Soft Power ใหม่ ๆ เพื่อเป็นการสร้างสีสันและจุดกระแสให้เกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยสามารถหาแง่มุมในการทำแคมเปญที่มีจุดเชื่อมโยงทางเอกลักษณ์หรือความภาคภูมิใจของไทย ไม่ว่าจะเป็นด้านอาหาร วิถีชีวิต การแต่งตัว หรือด้านอื่น ๆ เช่น การปลุกกระแสการไหว้แบบไทย หรือการปลุกกระแสอาหารไทย เพื่อดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

“โดยสถานการณ์ในปัจจุบัน ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีขึ้นที่คนไทยกำลังจะกลับมาใช้ชีวิตได้แบบปกติอีกครั้ง เริ่มมีแนวโน้มในการต้องการออกมาจับจ่ายใช้สอยในสิ่งที่ต้องการมากขึ้น จากผลการสำรวจสามารถมองเห็นได้ว่า คนไทยกำลังจะกลับมามีความสุขมากขึ้นอีกครั้งในรอบ 2 ปี หลังจากที่เผชิญกับการระบาดของโควิด-19 ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นเปอร์เซ็นต์ความสุขที่ยังน้อย แต่ในอนาคตจะสูงขึ้นแบบต่อเนื่องอย่างแน่นอน” คุณชุติมา วิริยะมหากุล กล่าวปิดท้าย

###

เกี่ยวกับสถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย)

สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) หรือ Hakuhodo Institute of Life and Living ASEAN (THAILAND) ทำการศึกษาเกี่ยวกับ "การคาดการณ์พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศไทย" ทุก ๆ สองเดือน โดยผลสำรวจการคาดการณ์พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศไทยประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 เป็นผลสำรวจจากการรวบรวมข้อมูลจากวันที่  18  ถึง วันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2565 โดยมุ่งเน้นเกี่ยวกับแนวโน้มและพฤติกรรมการบริโภคของคนไทยในอนาคต ผ่านการทำแบบสอบถามเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ จากประชากรเพศชายและหญิงจำนวน 1,200 คน อายุระหว่าง 20-59 ปี จาก 6 ภูมิภาค ทั่วประเทศ  

Hakuhodo Institute of Life and Living ASEAN คือศูนย์วิจัยแห่งใหม่ของกลุ่มฮาคูโฮโดในภูมิภาคอาเซียน ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 2014 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือบริษัทต่างๆ ภายในประเทศสมาชิกภูมิภาคอาเซียนในเรื่องของข้อมูลการตลาด รวมทั้งสังเกตไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยการวิจัยของฮาคูโฮโดจะเป็นการวิจัยที่มุ่งเน้นการศึกษา Sei-katsu-sha หรือ ผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในสังคม (Life Living Person) ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของปรัชญาของฮาคูโฮโด ที่ไม่เพียงแค่อธิบายผู้คนในฐานะผู้บริโภคที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่อธิบายถึงความเป็นบุคคลของผู้บริโภคที่มีชีวิต จิตใจ ไลฟ์สไตล์ แรงบันดาลใจ และความฝันที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

ติดตามผลสำรวจเพิ่มเติมได้ที่

Hakuhodo Institute of Life and Living ASEAN (THAILAND)

https://www.facebook.com/hakuhodohillasean  


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad