EIC ประเมินเศรษฐกิจโลกเริ่มทำพิษ ส่งออกไทยในเดือน ต.ค. หดตัวแรงสุดในรอบ 2 ปี ภาพส่งออกไทยปีหน้าดูไม่ค่อยสดใสนัก
EIC ประเมินเศรษฐกิจโลกเริ่มทำพิษ ส่งออกไทยในเดือน ต.ค. หดตัวแรงสุดในรอบ 2 ปี ภาพส่งออกไทยปีหน้าดูไม่ค่อยสดใสนัก
มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยเดือน ต.ค. หดตัวครั้งแรกในรอบ 20 เดือน
มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยในเดือนตุลาคมอยู่ที่
21,772.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว -4.4%YOY
(เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน) ชะลอตัวลงมากจากเดือนก่อนที่ยังขยายตัวได้
7.8%YOY และนับเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 20
เดือนและนับว่าเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดในรอบ 2 ปี หากเทียบกับเดือนก่อน
ตัวเลขการส่งออกเดือนตุลาคม (แบบปรับฤดูกาล) หดตัว -8.5%MOM_sa
หลังจากที่เคยขยายตัวได้ 6.9%MOM_sa ในเดือนก่อน
ทั้งนี้หากพิจารณามูลค่าการส่งออกหักทองคำ
(ซึ่งเป็นสินค้าที่ไม่ได้สะท้อนการค้าระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นจริง)
เทียบกับเดือนกันยายนแบบปรับผลของฤดูกาลพบว่า การส่งออกไทยหดตัวมากถึง
-12.5%MOM_sa สำหรับในภาพรวมการส่งออกของไทยในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2022
ขยายตัว 9.1%
สินค้าส่งออกหลักหดตัวทุกกลุ่ม ยกเว้นรถยนต์และส่วนประกอบ
ภาพรวมการส่งออกรายกลุ่มสินค้าในเดือนตุลาคมหดตัวเกือบทุกกลุ่ม
โดย (1) สินค้าเกษตรหดตัว -4.3% หลังจากพลิกกลับมาขยายตัว 2.7%
ในเดือนกันยายน โดยเฉพาะยางพาราที่หดตัวลงมาก
ขณะที่ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังและไก่ยังขยายตัวได้ดี
ในขณะที่ผลไม้เป็นสินค้าหลักที่หดตัว (2) สินค้าอุตสาหกรรมเกษตรหดตัว -2.3%
หลังจากขยายตัวต่อเนื่องมาตลอด 20 เดือน
ทั้งนี้พบว่าการหดตัวของสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร
ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลกระทบจากอุทกภัยในภาคเกษตรที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 3
ต่อเนื่องถึงปลายเดือนตุลาคม อย่างไรก็ดี
สถานการณ์น้ำท่วมในภาคเกษตรเริ่มคลี่คลายลงในช่วงปลายเดือนตุลาคม
และคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยในช่วงที่เหลือของปีมากนัก (3)
สินค้าอุตสาหกรรมหดตัว -3.5% ลดลงมากจากเดือนก่อนที่ขยายตัวได้ 9.4%
โดยสินค้าอุตสาหกรรมส่งออกที่ยังขยายตัวได้ เช่น ทองคำยังไม่ได้ขึ้นรูป
อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ
(โดยเฉพาะรถยนต์นั่ง) และหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ
ส่วนหนึ่งจากปัญหาขาดแคลนชิปที่เริ่มคลี่คลาย
สำหรับสินค้าอุตสาหกรรมส่งออกที่หดตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์
เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ อากาศยาน ยานอวกาศ และส่วนประกอบ เหล็ก
เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ยาง (4) สินค้าแร่และเชื้อเพลิงหดตัว
-23.9% หลังจากขยายตัว 1.2% ในเดือนก่อนตามปัจจัยด้านราคาที่ชะลอตัวลง (5)
การส่งออกทองคำยังไม่ขึ้นรูปขยายตัวมากถึง 56.9%YOY
ซึ่งจัดว่าเป็นสินค้าสนับสนุนการส่งออกที่สำคัญสุดในเดือนนี้ (รูปที่ 2)
การส่งออกไปยังตลาดหลักหดตัวรุนแรง แต่ตลาด CLMV ยังขยายตัวได้ดี
การส่งออกรายตลาดหดตัวเกือบทุกตลาดหลัก
สะท้อนอุปสงค์โลกที่ชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว โดย (1)
ตลาดจีนหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 อยู่ที่ -8.5% เนื่องจากนโยบาย Zero
COVID ที่ยังบังคับใช้อยู่ (2) ตลาดสหรัฐฯ และยุโรป (EU28) หดตัว -0.9% และ
-7.9% เทียบกับที่ขยายตัวดีในช่วงก่อนหน้าที่ 26.1% และ 22.2% ในเดือนก่อน
ตามลำดับ
สอดคล้องกับสัญญาณเศรษฐกิจโลกที่จะชะลอตัวลงมากและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศหลักทั้งสองที่เพิ่มขึ้น
(3) ตลาด CLMV ยังขยายตัวดีต่อเนื่อง 10.6% ขณะที่ตลาด ASEAN5 หดตัว
-13.1% จากที่ขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้
เป็นที่น่าสังเกตว่า การส่งออกไปสวิตเซอร์แลนด์ขยายตัวมากในเดือนนี้ 103.5%
ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการส่งออกทองคำที่ขยายตัวถึง 159.8%
ดุลการค้าขาดดุลต่อเนื่อง
มูลค่าการนำเข้าของไทยในเดือนตุลาคมอยู่ที่
22,368,8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวครั้งแรกในรอบ 21 เดือนที่ -2.3%
จากเดือนก่อนที่ขยายตัวสูง 15.6%
ส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยด้านราคานำเข้าที่ชะลอตัว
โดยการนำเข้าสินค้าทุนหดตัวสูง -16.4%
การนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูปและสินค้าอุปโภคบริโภคหดตัวเล็กน้อย
-0.4% การนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิงแม้ยังขยายตัวได้ 7.5%
แต่ขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 19 เดือน
สำหรับการนำเข้ายานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่งและอาวุธยุทธปัจจัยขยายตัวได้
0.3% และ 2,993% (จากปัจจัยฐานต่ำ) ตามลำดับ อย่างไรก็ดี
มูลค่าการนำเข้าสินค้าของไทยชะลอตัวช้ากว่ามูลค่าการส่งออกค่อนข้างมาก
ส่งผลให้ดุลการค้าในระบบศุลกากรเดือนนี้ขาดดุล -596.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นับเป็นการขาดดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 สำหรับในช่วง 10 เดือนแรกของปี
2022 มูลค่าการนำเข้าขยายตัว 18.3% และดุลการค้าขาดดุล -15,581.3
ล้านดอลลาร์สหรัฐ
EIC มองการส่งออกสินค้าไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่องตามทิศทางเศรษฐกิจโลก และคาดขยายตัวได้เพียง 1.2% ในปี 2023
แนวโน้มการส่งออกสินค้าของไทยในระยะถัดไปดูไม่ค่อยสดใสนัก
เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีทิศทางชะลอลงมาก โดย EIC ประเมินว่า
เศรษฐกิจบางประเทศหลักมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
โดยสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรจะเข้าสู่ภาวะถดถอยตั้งแต่ปลายปีนี้
ตามด้วยเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงครึ่งหลังของปี 2023
ทั้งนี้สัญญาณอุปสงค์โลกชะลอตัวลงมากขึ้น (รูปที่ 3) สะท้อนจาก (1)
ข้อมูลดัชนี Manufacturing PMI ของประเทศคู่ค้าสำคัญ รวมถึงข้อมูล Exports
order ที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 50 (2) ข้อมูลการส่งออก 20
วันแรกของเกาหลีใต้ในเดือนพฤศจิกายนหดตัว -16.7% ซึ่งหดตัวสูงสุดในรอบ 30
เดือน โดยในเดือนนี้การส่งออกของเกาหลีใต้หดตัวรุนแรงในตลาดจีน (-28.3%)
และฮ่องกง (-35.6%) ขณะที่การนำเข้าของเกาหลีใต้หดตัว -5.5%
นับเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี และ (3)
การส่งออกของจีนในเดือนตุลาคมหดตัวครั้งแรกในรอบ 2 ปีอยู่ที่ -0.3%
นอกจากนี้ การนำเข้าของจีนหดตัว -0.7%
นับเป็นการหดตัวครั้งแรกเช่นกันนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 นอกจากนี้
จีนนำเข้าสินค้าไทยลดลง -14.5% นับเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7
ทั้งนี้ข้อมูลการส่งออกและนำเข้าของจีนและเกาหลีใต้ที่ลดลงสะท้อนให้เห็นอุปสงค์ของตลาดโลกที่ลดลงชัดเจน
(รูปที่ 4)
(แม้ในตลาดจีนมีส่วนหนึ่งที่เป็นผลกระทบจากการปิดเมืองเพื่อควบคุม
COVID-19)
และมีแนวโน้มสะท้อนให้เห็นอุปสงค์ของสินค้าจากไทยที่อาจลดลงเช่นเดียวกัน
ด้วยเหตุนี้ EIC จึงปรับลดประมาณการมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยในปี 2023
มาอยู่ที่ 1.2% จากเดิม ณ เดือนกันยายน ที่ 2.5%
ไม่มีความคิดเห็น