มูลค่าอุตสาหกรรมก่อสร้างปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัว จับตาความท้าทายต้นทุนสูง ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง และแรงกดดันจากเทรนด์ ESG - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

มูลค่าอุตสาหกรรมก่อสร้างปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัว จับตาความท้าทายต้นทุนสูง ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง และแรงกดดันจากเทรนด์ ESG

มูลค่าอุตสาหกรรมก่อสร้างปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัว จับตาความท้าทายต้นทุนสูง ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง และแรงกดดันจากเทรนด์ ESG

มูลค่าการก่อสร้างภาครัฐในปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัว +3%YOY แตะระดับ 817,000 ล้านบาท จากโครงการเมกะโปรเจกต์ที่มีการก่อสร้างต่อเนื่องจากในอดีตมีความคืบหน้า รวมถึงยังมีการประมูล และก่อสร้างโครงการใหม่ ๆ อีกทั้ง งบลงทุนในงบประมาณประจำปี 2566 เพิ่มขึ้น +6%YOY และอัตราการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2566 ถึง ณ สิ้นเดือน มี.ค. 2566 ยังสูงกว่าปีงบประมาณที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยท้าทายด้านความล่าช้าในการอนุมัติโครงการก่อสร้างภาครัฐใหม่ ๆ จากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้ง รวมถึงการจัดทำงบประมาณประจำปี 2567 ที่อาจล่าช้าออกไปหลังไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 และอาจมีผลต่อเนื่องไปยังการเริ่มดำเนินโครงการก่อสร้างภาครัฐในปี 2567

มูลค่าการก่อสร้างภาคเอกชนในปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัว มาอยู่ที่ 586,000 ล้านบาท (+3%YOY) โดยเป็นการขยายตัวของมูลค่าการก่อสร้างที่อยู่อาศัย อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ ได้แก่ อาคารสำนักงาน และพื้นที่ค้าปลีก รวมถึงการ Renovate พื้นที่ค้าปลีก และโรงแรม เพื่อรองรับการฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ภาคก่อสร้างยังเผชิญความท้าทาย ทั้งต้นทุนก่อสร้างยังอยู่ในระดับสูง ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องทางการเงิน และแรงกดดันจากเทรนด์ ESG ดังนี้

  • ต้นทุนก่อสร้างยังอยู่ในระดับสูง : ปี 2566 ราคาวัสดุก่อสร้าง เช่น เหล็ก ปูนซีเมนต์ มีแนวโน้มปรับตัวลดลงเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในระดับสูง อีกทั้ง ราคายังมีความผันผวนระหว่างปี นอกจากนี้ จำนวนแรงงานไทยในภาคก่อสร้างที่กลับมาปรับตัวลดลง เป็นเหตุให้ค่าแรงงานในภาคก่อสร้างยังอยู่ในระดับสูง นำมาซึ่งความเสี่ยงให้อัตรากำไรของผู้ประกอบการยังคงอยู่ในระดับต่ำ
  • ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องทางการเงิน : ปี 2566 ผู้ประกอบการที่รับงานก่อสร้างภาครัฐเป็นหลัก จะเผชิญปัจจัยท้าทายทั้งความล่าช้าในการอนุมัติโครงการก่อสร้างภาครัฐที่มูลค่าสูงหลังการประกาศยุบสภา รวมถึงการจัดทำงบประมาณประจำปี 2567 และการเบิกจ่าย ที่อาจล่าช้าออกไปหลังไตรมาสที่ 4 ของปี 2566
  • แรงกดดันจากเทรนด์ ESG : แรงกดดันจากกฎระเบียบ และความเสี่ยงในการประกาศให้หยุดการก่อสร้างในบางช่วง เช่น ฝุ่น PM 2.5 หนาแน่น เกิดอุบัติเหตุในพื้นที่ก่อสร้าง รวมถึงแรงกดดันจากคู่ค้า ลูกค้า และผู้บริโภค เช่น การใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม Green supply chain ความต้องการที่อยู่อาศัย และอาคารที่สามารถรองรับภัยพิบัติที่รุนแรงขึ้น อาคารที่มีคุณสมบัติสอดคล้องตามมาตรฐานอาคารที่ตอบโจทย์ด้านความยั่งยืน

ความท้าทายดังกล่าวส่งผลให้ผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างต้องปรับกลยุทธ์รับมือ ได้แก่

  • การเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ และควบคุมต้นทุนก่อสร้าง ด้วยการพัฒนาศักยภาพ และร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อเข้าประมูลงานก่อสร้างได้อย่างหลากหลาย ระมัดระวังการเข้าประมูลแบบแข่งขันด้านราคา ร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) รวมถึงทำสัญญาสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างล่วงหน้า ให้สอดคล้องกับความต้องการใช้
  • การบริหารสภาพคล่องทางการเงิน โดยปรับสัดส่วนการรับงานก่อสร้างภาครัฐ และเอกชนให้เหมาะสม รวมถึงดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามแผน เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายได้ตามกำหนด
  • ตอบโจทย์เทรนด์ ESG ด้วยการหาพันธมิตรวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และลงทุนนำเทคโนโลยีก่อสร้างมาใช้

อ่านรายงานฉบับเต็มได้ที่… https://www.scbeic.com/th/detail/product/construction_120523


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad