แนะนำ 3 วิธีตรวจไข้เลือดออก รู้ทันภัยร้ายก่อนสายเกินแก้! - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

แนะนำ 3 วิธีตรวจไข้เลือดออก รู้ทันภัยร้ายก่อนสายเกินแก้!

    

เม็ดฝนที่โปรยในฤดูฝนมักมาพร้อมกับภัยอันตรายที่แฝงตัวเข้ามาอย่างเงียบเชียบ ซึ่งหนึ่งในนั้นจะเป็นใครไม่ได้นอกเหนือจาก ‘ไข้เลือดออก’ จากยุงลายที่ได้คร่าชีวิตทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุทุกเพศทุกวัยมานักต่อนัก

ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันภัยเงียบที่เป็นอันตรายถึงชีวิตจากยุงลายตัวเล็ก ลองมาทำความรู้จัก 3 วิธีตรวจไข้เลือดออกและการสังเกตอาการด้วยตัวเองง่าย ๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้กัน ว่าแต่จะมีวิธีตรวจไข้เลือดออกอย่างไรบ้างนั้น มาดูไปพร้อมกันเลย!

ตรวจไข้ดูก่อน

จากสถิติของทวีปเอเชียพบว่า ประเทศไทยมีจำนวนผู้ป่วยโรคไข้สะสมเป็นอันดับสอง โดยส่วนใหญ่แล้ว หลังจากได้รับเชื้อไวรัสเดงกีจากยุงลายเพศเมีย ผู้ป่วยมักจะมีไข้ขึ้นสูงเฉียบพลันเกิน 38 องศาเซลเซียสขึ้นไป ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2 - 7 วันเพื่อแสดงอาการไข้สูง 

ด้วยเหตุนี้ วิธีตรวจไข้เลือดออกที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองเป็นอย่างแรก คือ การตรวจเช็กระดับไข้ของตัวเองหลังจากที่โดนยุงลายกัดเป็นระยะ โดยหากว่าเริ่มรู้สึกตัวรุม ๆ หรือมีไข้มากกว่า 38 องศาเซลเซียสเมื่อไหร่ ขอแนะนำให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบความผิดปกติโดยด่วน

หมั่นสังเกตผิวหนังทั่วร่างกาย

การสังเกตและพิจารณาผิวหนัง คือ หนึ่งในวิธีตรวจไข้เลือดออกด้วยตัวเองที่ทุกคนสามารถทำได้ โดยทั่วไปแล้ว เมื่อได้รับเชื้อไวรัสเดงกี ตัวไวรัสจะเข้าไปสร้างความเสียหายให้กับอวัยวะอื่น ๆ ทั่วร่างกาย ซึ่งบางครั้งสามารถแสดงออกได้บนผิวหนัง 

โดยทุกคนจะสามารถสังเกตเห็นตุ่ม หรือ ผื่นแดงเล็ก ๆ ขึ้นอยู่ที่บริเวณผิวหนังรอบตัว ซึ่งหากใครเริ่มมีภาวะตุ่มแดงขึ้นรอบตัว พร้อมกับมีไข้ที่ลดลงแล้วก็ขออย่าได้วางใจ และรีบเข้าไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบความผิดปกติ เนื่องจากร่างกายอาจเสี่ยงช็อกได้

สังเกตอาการผิดปกติในร่างกาย

นอกจากการตรวจวัดไข้และสังเกตผิวหนังทั่วร่างกายแล้ว วิธีตรวจไข้เลือดออกด้วยตัวเองที่สามารถทำได้หลังจากนี้ คือ การหมั่นสังเกตความผิดปกติในร่างกาย อาทิ อาการคลื่นไส้ อาเจียน ไปจนถึงอาการเบื่ออาหาร ไม่อยากรับประทานน้ำ หรือ อาหารประเภทใดเลย

อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากอาการดังกล่าวนี้แล้ว ทุกคนยังควรสังเกตอาการข้างเคียงอื่น ๆ เช่น เลือดกำเดาออก อาการเลือดออกตามไรฟัน ไปจนถึงการมีเลือดปนอยู่ในปัสสาวะและอุจจาระ โดยเชื้อไวรัสไข้เลือดออกจะเข้าไปสร้างความเสียหายให้ระบบอวัยวะและการขนส่งเลือด ซึ่งอาจทำให้มีอาการเลือดออกภายในร่างกายได้ 

สำหรับใครที่พบอาการเลือดออกร่วมกับเป็นไข้ หรือ มีอาการเลือดออกตามจุดต่าง ๆ เพียงอย่างเดียวก็ขออย่าได้นิ่งนอนใจ แต่ควรให้รีบเข้าไปพบแพทย์โดยด่วน เพราะอาจเสี่ยงเกิดอาการเลือดไหลภายในร่างกายจนเป็นเหตุให้เสียชีวิตได้

เพียงเท่านี้ ทุกคนก็ทราบถึงวิธีตรวจไข้เลือดออกเบื้องต้นด้วยตัวเองแล้ว โดยหากสังเกตและพบอาการตามรายละเอียดที่นำมาฝากในวันนี้แล้ว ขอแนะนำให้รีบเข้าไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติและเข้าทำการรักษาโดยด่วน 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad