ผู้บริหาร (CMC) พร้อมใจซื้อหุ้ น มั่นใจพื้นฐานดี กำไรโต 165%
จ่ายปันผล 7 สตางค์ มาร์จิ้นดีขึ้นเท่าตัว แถม LTV ไม่กระทบ
ผู้บริหาร บมจ. เจ้ าพระยามหานคร (CMC) พร้อมใจกั นซื้อหุ้นเพิ่ม ประกาศมั่นใจพื้นฐานแกร่ง กำไรโตแรง และไม่ได้รับผลกระทบจาก LTV
กลุ่มผู้บริหาร บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ CMC นำโดย นายแพทย์วิเชียร แพทยานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และทีมคณะผู้บริหาร ได้แก่ นางสาวนิธิดา รัชตารมย์ และนางสาวกรวรรธน์ หิรัญรุจิพงศ์พร้อมใจกันซื้อหุ้ น CMC เพิ่มในช่วง 3 วันแรกที่ หุ้น CMC เข้าเทรด ด้วยเหตุที่ตนมีความเชื่อมั่ นในพื้นฐานที่ดีของบริษั ทและผลประกอบการณ์ที่เติบโต โดยผลประกอบการสำหรับงวด 9 เดื อน ปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายอสังหาริมทรั พย์ 1,502 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับช่ วงเดียวกันของปี 2560 ที่ 1, 058 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 186 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 165% เมื่อเทียบกั บช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่ 70 ล้านบาท ยิ่งกว่านั้นอัตรากำไรสุทธิ (เน็ ตมาร์จิ้น) เพิ่มกว่าเท่าตัวเป็ น 12.03% จาก 5.83% ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่ าผลประกอบการในปีนี้จะเติ บโตตามเป้าหมาย นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ได้พิ จารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่ างกาลจากผลประกอบการในงวด9 เดื อนและกำไรสะสม จำนวน 7 สตางค์ต่อหุ้น ให้กับผู้ถือหุ้นทุกราย โดยวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ มีสิทธิในการรับเงินปันผล ( Record Date) คือวันที่ 30 พฤศจิกายน 2 561”
นายแพทย์วิเชียร แพทยานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ CMC กล่ าวเสริมว่า “บริษัทฯ มั่นใจว่าปีหน้า ผลประกอบการจะเ ติบโตจากการรับรู้ รายได้ของโครงการที่สร้างเสร็ จพร้อมโอนและโครงการระหว่างก่ อสร้างมูลค่ากว่า 5,538 ล้านบาท และที่สำคัญ CMC น่าจะไม่ได้ ผลกระทบจากนโยบาย LTV ของธนาคาร แห่งประเทศไทย เนื่องจากบริษั ทฯ มุ่งเน้นลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่ อาศัยเอง และส่วนใหญ่เป็นบ้ านหลังแรก และราคาขายส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 2 -4 ล้านบาท ตรงกันข้าม จากกระแสดังกล่าวคาดว่า อาจทำให้ลูกค้ารี บทำการโอนคอนโดมีเนียมเร็วขึ้ นกว่าเดิม ซึ่งบริษัทฯ กำลังออกโปรโมชั่นกระตุ้ นการขายอย่างแรง”
CMC ได้รับเงินจากการ IPO ในครั้ งนี้ จำนวน 750 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ มีแผนที่จะนำเงินจำนวน 400 ล้ านบาทไปชำระคืนเงินกู้ยื มจากสถาบันการเงิน ซึ่งจะสามารถลดภาระดอกเบี้ยในปี หน้าได้อย่างมีนัยยะสำคัญ นอกจากนี้ จะใช้เงิน 250 ล้านบาทในการพั ฒนาโครงการและซื้อที่ดินเพิ่ มเติม และใช้เงิน 63ล้านบาทเพื่อเพิ่ มเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัทฯ ทั้งนี้บริษัทฯ คาดว่าภายหลังIPO อัตราส่วนหนี้ สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน ( IBD/E) จากปัจจุบันที่ประมาณ 1. 6 เท่า จะลดลงเหลือเพียง 1 เท่า โดยหลังจากการเพิ่มทุน กลุ่มแพทยานันท์ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ ถือหุ้นเดิมจะถือหุ้น 75% และนั กลงทุนถือหุ้น 25%
////////////////////////////// ////////////////////////////// //////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น