กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเตรียมเปิดตัวโครงการ “ต้นกล้า ทู โกล” ปี 62 คัดผู้ประกอบการ SMEs ที่ผลิตเครื่องสำอาง อัญมณี หัตถกรรม ของใช้ของตกแต่ง อาหาร เครื่องดื่ม แฟชั่น สิ่งทอ เข้ารับการอบรมเข้ม ตั้งเป้าคัดรวม 50 แบรนด์ ก่อนปั้นเป็นผู้ส่งออก เผยผู้ผ่านคัดเลือกยังได้สิทธิ์เข้าร่วมโครงการ SMEs Pro-active เพื่อรับทุนสนับสนุนโกอินเตอร์ด้วย
น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดของกรมฯ ได้กำหนดจัดโครงการสร้าง SMEs ไทยสู่เวทีการค้าสากล หรือโครงการต้นกล้า ทู โกล ปี 2562 โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs รายใหม่ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคให้มีความพร้อมในการทำธุรกิจการค้า การตลาดระหว่างประเทศ และผลักดันให้เป็นผู้ส่งออกรายใหม่ของไทยต่อไป
ทั้งนี้ สถาบัน NEA จะทำการคัดเลือกผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าในกลุ่มเครื่องสำอาง เครื่องประทินผิวและสมุนไพรไทย , อัญมณีและเครื่องประดับ , หัตถกรรม เครื่องใช้ ของตกแต่ง และของขวัญ , เกษตร อาหารและเครื่องดื่ม , แฟชั่นและสิ่งทอ เข้าร่วมรับการฝึกอบรมอย่างเข้มข้นในช่วงเดือนเม.ย.-ส.ค.2562 มีเป้าหมายคัดเลือกจำนวน 50 แบรนด์
สำหรับประสบการณ์ที่ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับ จะมี 4 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 การเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการค้าระหว่างประเทศ เพิ่มเติมความรู้เกี่ยวกับความรู้พื้นฐานด้านการส่งออก การวางแผน การตลาด การวิเคราะห์ การสร้างกลยุทธ์ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์/สินค้า
ระยะที่ 2 การวางแผนธุรกิจและสร้างแบรนด์ให้ผลิตภัณฑ์ โดยจะเป็นการบรรยายเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการสร้างนวัตกรรมให้แก่ผลิตภัณฑ์ การวางแผนและการบริหารแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์และช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ออนไลน์ให้สอดคล้องกับตลาดในประเทศเป้าหมาย รวมถึงวิเคราะห์แผนธุรกิจ วิเคราะห์ข้อมูลการสร้างจุดเด่นของแบรนด์ การสร้างช่องทางการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินงานเพื่อการตลาดต่อไป (โดยผู้ได้รับคัดเลือกในระยะที่ 2 ต้องมีสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล)
ระยะที่ 3 การพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อต่อยอดสินค้านวัตกรรมในเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้เกี่ยวกับช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์ กลยุทธ์การสร้างตราสินค้า (Brand) เทคนิคการตั้งราคาสินค้าในแต่ละประเทศรวมถึงแนวทางการออกแบบผลิตภัณฑ์และการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ (Packaging) พร้อมรับฟังประสบการณ์จากนักออกแบบที่มีศักยภาพด้านการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้มีรูปแบบสอดคล้องกับตลาดสากล
ระยะที่ 4 จับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) ถือเป็นระยะสุดท้ายของหลักสูตรที่จะสามารถให้ผู้ประกอบการได้ลงสนามจริง ด้วยการเจรจาการค้ากับกลุ่มผู้ซื้อ ผู้ประกอบการตัวแทนการค้า ผู้นำเข้า และผู้ประกอบธุรกิจการค้าระหว่างประเทศทั้งในและต่างประเทศ หากผ่านการอบรมหลักสูตรแล้ว ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมยังจะได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย อาทิ วุฒิบัตรจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ให้เป็นผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมในโครงการ และยังมีโอกาสได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าร่วมโครงการส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs Pro-active Program) เพื่อรับเงินทุนสนับสนุนธุรกิจด้วย
โดยผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถลงทะเบียนได้ที่ https://bit.ly/2CrQJuy หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 085 155 5940 หรือ tonklatogoal62@gmail.com
น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดของกรมฯ ได้กำหนดจัดโครงการสร้าง SMEs ไทยสู่เวทีการค้าสากล หรือโครงการต้นกล้า ทู โกล ปี 2562 โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs รายใหม่ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคให้มีความพร้อมในการทำธุรกิจการค้า การตลาดระหว่างประเทศ และผลักดันให้เป็นผู้ส่งออกรายใหม่ของไทยต่อไป
ทั้งนี้ สถาบัน NEA จะทำการคัดเลือกผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าในกลุ่มเครื่องสำอาง เครื่องประทินผิวและสมุนไพรไทย , อัญมณีและเครื่องประดับ , หัตถกรรม เครื่องใช้ ของตกแต่ง และของขวัญ , เกษตร อาหารและเครื่องดื่ม , แฟชั่นและสิ่งทอ เข้าร่วมรับการฝึกอบรมอย่างเข้มข้นในช่วงเดือนเม.ย.-ส.ค.2562 มีเป้าหมายคัดเลือกจำนวน 50 แบรนด์
สำหรับประสบการณ์ที่ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับ จะมี 4 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 การเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการค้าระหว่างประเทศ เพิ่มเติมความรู้เกี่ยวกับความรู้พื้นฐานด้านการส่งออก การวางแผน การตลาด การวิเคราะห์ การสร้างกลยุทธ์ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์/สินค้า
ระยะที่ 2 การวางแผนธุรกิจและสร้างแบรนด์ให้ผลิตภัณฑ์ โดยจะเป็นการบรรยายเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการสร้างนวัตกรรมให้แก่ผลิตภัณฑ์ การวางแผนและการบริหารแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์และช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ออนไลน์ให้สอดคล้องกับตลาดในประเทศเป้าหมาย รวมถึงวิเคราะห์แผนธุรกิจ วิเคราะห์ข้อมูลการสร้างจุดเด่นของแบรนด์ การสร้างช่องทางการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินงานเพื่อการตลาดต่อไป (โดยผู้ได้รับคัดเลือกในระยะที่ 2 ต้องมีสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล)
ระยะที่ 3 การพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อต่อยอดสินค้านวัตกรรมในเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้เกี่ยวกับช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์ กลยุทธ์การสร้างตราสินค้า (Brand) เทคนิคการตั้งราคาสินค้าในแต่ละประเทศรวมถึงแนวทางการออกแบบผลิตภัณฑ์และการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ (Packaging) พร้อมรับฟังประสบการณ์จากนักออกแบบที่มีศักยภาพด้านการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้มีรูปแบบสอดคล้องกับตลาดสากล
ระยะที่ 4 จับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) ถือเป็นระยะสุดท้ายของหลักสูตรที่จะสามารถให้ผู้ประกอบการได้ลงสนามจริง ด้วยการเจรจาการค้ากับกลุ่มผู้ซื้อ ผู้ประกอบการตัวแทนการค้า ผู้นำเข้า และผู้ประกอบธุรกิจการค้าระหว่างประเทศทั้งในและต่างประเทศ หากผ่านการอบรมหลักสูตรแล้ว ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมยังจะได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย อาทิ วุฒิบัตรจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ให้เป็นผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมในโครงการ และยังมีโอกาสได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าร่วมโครงการส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs Pro-active Program) เพื่อรับเงินทุนสนับสนุนธุรกิจด้วย
โดยผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถลงทะเบียนได้ที่ https://bit.ly/2CrQJuy หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 085 155 5940 หรือ tonklatogoal62@gmail.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น